เรื่องมันมีอยู่ว่า...
เมื่อวาน(20 กันยายน 2550) ผมและเพื่อนชื่อชุติมาได้เข้าไปดูหนังที่ชั้น9 เซ็นทรัลเวิร์ล (หนังรอบ 19.15 น. แต่ผมเข้าโรงประมาณ 19.30 น.)
และเมื่อถึงเพลงสรรเสริญผมและเพื่อนก็ไม่ได้ยืน (แต่นั่งด้วยความสงบ และได้หยุดรับประทานขนมและน้ำ) ซึ่งผมและเพื่อนปฏิบัติเช่นนี้มานานแล้ว ปรากฏว่าผม(คนเดียว)ถูกปาด้วยกระดาษที่ขยำเป็นก้อนขนาดเล็กกว่าลุกเท็นนิสถูกบริเวณต้นคอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเคยเจอแบบนี้มาแล้ว 1-2 ครั้ง ต่อมาเมื่อเพลงเล่นไปประมาณกลางเพลงชายคนหนึ่งที่นั่ง(ตอนนั้นเขายืน)อยู่ถัดเพื่อนผมไปทางซ้ายมือ 2-3 ที่นั่ง ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายนวมินทร์ หันบอกให้ผมและเพื่อนลุกขึ้นยืนโดยเขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมและเพื่อนก็ไม่ได้สนใจเขา
จนเพลงจบชายคนนั้นจึงเดินไปตามพนักงานโรงหนังมา (ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นิค) และบอกให้พนักงานคนดังกล่าวเชิญผมและเพื่อนออกไป พนักงงานจึงบอกกับเขาว่า "พี่ใจเย็นๆ" และผมได้บอกกับพนักงานว่า "ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำไม่ผิด แต่ต่อให้ผิดโรงหนังก็ไม่ต้องกลัวเดือดร้อน เพราะไม่เกี่ยวกับโรงหนัง" หลังจากนั้นพนักงานก็ถอยไปยืนบริเวณทางเดินด้านข้าง ชายคนนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วกรีดร้องและเริ่มด่าผมและเพื่อน เช่น ทุเรศ, ทำไมไม่รักในหลวง เป็นคนไทยซะเปล่า ขนาดฝรั่งยังยืนเลย พร้อมกับไล่ผมและเพื่อนให้ออกไปจากโรงด้วยอาการที่เกรี้ยวกราด ซึ่งระหว่างนั้นเขามีม้วนกระดาษอยู่ในมือและใช้มันชี้หน้าเพื่อนของผมอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเขาพูดจบ(รอบแรก) คนอื่นๆในโรงก็ปรบมือให้กับเขา
หลังจากนั้นชายคนนั้นก็เดินเขามาด่าเพื่อผมอีกครั้ง เพื่อนผมจึงตอบไปว่า "เงียบหน่อยค่ะ" และผมพูดว่า "ถ้าพี่มีปัญหาพี่ก็ออกไป ผมนั่งสบายดีไม่มีปัญหา และผมจะไม่ออกไปเพราะผมจะดูหนัง"
หลังจากนั้นชายคนนั้นชายคนนั้นก็เดินเข้ามาด่าผมและเพื่อนอีกครั้ง และได้ขว้างม้วนกระดาษในมือมาโดนบริเวณหน้าอกของเพื่อนผม พร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าเพื่อนผมในระยะห่างประมาณ 2 คืบ พร้อมกับกระชากกล่องป็อปคอนในมือเพื่อนผมแล้วสาดมันใส่ผมและเพื่อน แล้วขว้างกล่องป็อบคอนโดนเพื่อนผมและกระเด็นมาโดนผมด้วย แล้วปัดแก้วน้ำอัดลมที่วางอยู่ที่ที่วางแขนจนตกแตก ซึ่งในขณะนั้นคนอื่นๆในโรงก็เริ่มด่าและไล่ผมและเพื่อน
ผมและเพื่อนจึงยืนขึ้น และผมได้โทรไปที่ 191 ทันที และเดินคุยโทรศัพท์กับตำรวจจนออกมานอกโรง
ระหว่างที่เดินออกจากโรง ผมเดินผ่านหน้าชายคนนั้น เขาได้ชี้มาที่เสื้อผม แล้วด่าว่า "ใส่เสื้อบ้าอะไร" *
เมื่อออกมานอกโรงหนัง ผมกับเพื่อนรอจนพบกับตำรวจ และบอกกับตำรวจว่าจะรอคู่กรณี เพราะกลัวเขาหนีไป พอหนังจบ คนดูทั้งหมดออกมาตรงประตุทางออก ผมกับเพื่อนได้เข้าไปในโรงหนังอีกครั้ง โดยตั้งใจจะเข้าไปถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ทันไดถ่าย ผู้จัดการโรงหนังได้เข้ามาบอกว่าไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปในโรง เพราะเป็นกฎ ถ้าจะถ่ายต้องทพเรื่องมา ผมจึงขอให้ตำรวจที่ตามเข้าไป มาดูที่เกิดเหตุแทน
หลังจากนั้นผมออกไปนอกโรงหนัง พบคู่กรณีและคนดูคนอื่นๆ ยืนรวมกันอยู่กับตำรวจอีกนาย ผมจึงเดินทางไป สน.ปทุมวัน และคุ่กรณีได้ตามมาทีหลัง เมื่อถึง สน. ตำรวจได้ให้ผมและลงบันทึกประจำวันและได้ทำเรื่องส่งผมไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ (ตำรวจบอกว่ามันเป็นขั้นตอนของทางการ) โดยทางร้อยเวรได้นัดผมไปแจ้งความและสอบปากคำเมื่อบ่ายวันนี้ (21 กันยายน) ส่วนหมอที่ รพ.ตำรวจ ได้นัดผมมาฟังผลเมื่อเช้าวันนี้
เมื่อเช้าผมจึงไปฟังผลที่ รพ.ตำรวจ และกลับมาที่ สน.ตอนบ่าย ระหว่างรอตำรวจเจ้าของคดีเล่าให้ผมฟังว่า
"คู่กรณีจะแจ้งความกับเพื่อนในข้อหา 'หมิ่นพระบรมฯ' ถ้าผมกับเพื่อนจำดำเนินคดีคุ่กรณี" (ดังนั้นเท่าที่ผมทราบล่าสุดคือ ผมและเพื่อนยังไม่ถูกแจ้งข้อหาหมิ่พระบรมฯ) อย่างไรก็ตาม ผมและเพื่อนก็ได้เข้าแจ้งความตามนัด โดยแจ้งคนละ 4 ข้อหา ของผมมี 1.ดูหมิ่นซึ่งหน้า 2.ร่วมกันทำร้ายร่างกาย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.ร่วมกันบังคับข่มขืนใจให้กระทำหรือไม่กระทำการ ส่วนของเพื่อนผมมี 1.ดูหมิ่นซึ่งหน้า 2.ทำร้ายร่างกาย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.ร่วมกันบังคับข่มขืนใจให้กระทำหรือไม่กระทำการ (ต่างกันตรงข้อกล่าวหาที่ 2. ซึ่งผมถูกทำร้ายจากคน 2 คน แต่เพื่อนผมถูกทำร้ายจากคนคนเดียว) นอกจากนั้น คุณสหายดอกหญ้าได้โทรไปเสนอให้ผมและเพื่อนฟ้องชายคนนั้นข้อหาก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะเพิ่มอีก 1 คดี ซึ่งเพื่อนผมที่เป็นทนายกำลังดูข้อกฎหมายอยู่ สรุปก็คือ ผมและเพื่อนได้แจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีเขาไปแล้ว ส่วนว่าเขาจะแจ้งผมกลับหรือไม่ ยังไม่ทราบ
หมายเหตุ : ตอนเกิดเหตุ ผมใส่เสื้อรณรงค์ของเครือข่าย 19 กันยาฯ - ซึ่งขณะนี้ผม กำลังตัดสินใจ ว่าจะ เสนอ ให้เครือข่ายฯ ฟ้องเขาด้วยดีหรือไม่ เพราะผมมองว่ามันเป็นการหมิ่นเครือข่ายฯ - แต่มีแนวโน้มว่าคงไม่เสนอ หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ผมและเพื่อนมองว่ามันคือประเด็นที่ต้องต่อสู้ เพื่อยืนยันความคิดความเชื่อ 3 ประเด้น คือ
1. เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ยืน
2. ถ้ามีกฎหมายที่บังคับให้เรายืน กฎหมายนั้นละเมิดสิทธิ์เรา และกฎหมายนั้นต้องถูกยกเลิก
3. ไม่ว่าใครจะทำอะไร ผิดถูกอย่างไร เขาต่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่จะไม่ถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกดูหมิ่น
ผมและเพื่อนอยากให้เป็นบรรทัดฐานว่าการกระทำแบบชายคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และต้องได้รับโทษ
นอกจากนั้น ผมและเพื่อนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะปฏิบัติการยืนยันสิทธิ์ของเราอีก ซึ่งอยากเชิญชวนทุกท่านที่รักอิสระภาพ รักความเสมอภาค และต้องการต่อสู้กับความอยุติธรรมโปรดปฏิบัติการร่วมกัน
ผมไม่ได้คาดหวังคนมากมาย มี 10 คน ก็ไป 10 คน มี 5 คน ก็ไป 5 คน มี 2 คน ก็ไป 2 คน แต่ก่อนที่จะไป หากมีคนสนใจก็อยากให้ช่วยกันพูดคุยด้วยว่าเราไปปฏิบัติการที่ไหน, วันไหน(วันธรรมดาหรือเสาร์อาทิตย์ดี), หนังเรื่องอะไร และรอบกี่โมง เมื่อได้ความชัดเจนแล้ว อาจจะมีจดหมายเชิญชวนที่ค่อนข้างทางการออกมาอีกครั้ง
ปล.
เป็นความบังเอิญเหลือเกิน ที่วันที่ 20 กันยายน 2550 เป็นวันสำคัญสำหรับผม 2 โอกาส คือ
1) เป็นวันครบรอบ 3 ปี การก่อตั้งนิตยสารนักศึกษา QUESTIONMARK (ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว?) และ
2) เป็นวันครบรอบ 1 ปี การก่อตั้งเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร (ซึ่งยังมีอยู่หรือเปล่า?) อย่าไงรก็ตาม ผมไม่ได้ไปดูหนังเนื่องในโอกาสพิเศษใดๆ เพียงแค่ต้องไปซื้ออุปกรณ์ทำงานแถวนั้น แล้วบังเอิญเกิดอารมณ์อยากดูขึ้นมา
ที่มาของเรื่อง : http://www.sameskybooks.org/webboard/show.phpCategory=sameskybooks&No=28316
วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550
กรณีคดีหมิ่นฯ ของ โชติศักดิ์ อ่อนสูง
ผู้จัดเก็บบทความ เจ้าน้อย ณ สยาม ที่ 3:01 ก่อนเที่ยง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น