วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550

หกวานร โดย. ประภาส ชลศรานนท์


วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังถึงห้องๆ หนึ่งครับ ห้องนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ต้องการหาคำตอบของพฤติกรรมอย่างหนึ่งของ
"สัตว์สังคม"บอกก่อนเลยก็ได้ครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

ลักษณะของห้องที่ว่านี้เป็นห้องโล่งๆ ที่มีความสูงกว่าห้องทั้วไปสักสองเท่า ทั่วทั้งห้องตบแต่งให้ดูคล้ายป่าโปร่งๆ สามารถมองเห็นทุกส่วยของห้องได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนที่สำคัญคนที่สร้างห้องนี้ขึ้นมาสามารถมองมาจากนอกห้องก็เห็นทุกส่วนของห้องได้ตามมุมห้องมีหินก้อนเท่าลูกแตงโมวางประดับอยู่ประปราย นอกจากสิ่งประดับอย่างที่เห็นด้วยตาเหล่านี้แล้ว ห้องนี้ยังมีท่อโลหะเล็กๆ โผล่ออกมาจากเพดานและผนังเต็มไปหมด

กลางห้องมีบันไดอย่างที่เข้าเรียกกันว่าบันไดลิงตั้งอยู่
บันไดนี้ตั้งตรงขึ้นไปถึงเพดาน

ตามต่อไปเรื่อยๆ นะครับ บันไดอันนี้ละคือพระเอกของเรื่องนี้

แล้วมนุษย์ผู้สร้างห้องก็ไปหาลิงมาหกตัว พวกเขาพาพวกมันเข้าไปอยู่ในห้องที่ว่านี้ลิงหกตัวนั้นมาจากต่างที่ต่างครอบครัวกัน แรกๆ ก็ร้องเจี๊ยกจ๊ากโวยวายตามประสาลิง พอเรี่มปรับตัวได้ ลิงทั้งหกก็เรี่มผูกมิตรกัน บางตัวก็สนิทกันเป็นพิเศษ และมีบ้างเหมือนกันในบางคู่ที่ดูก็ออกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันแต่ลิงทั้งหกก็อยู่ด้วยกันอย่างสันติ อาจเป็นเพราะอาหารที่มนูษย์ผู้สร้างห้องนำเข้ามาแจกจ่ายนั้นไม่ขาดตกบกพร่องอะไร

อยู่มาวันหนึ่งฝาเพดานตรงที่บันไดพาดถึงก็ถูกเปิดออก กล้วยหอมสุกเหลืองอร่ามหวีหนึ่งถูกหย่อนลงมาจากเพดาน และก็แขวนเท้งเต้งไว้ที่ยอดสุดของบันได จากนั้นฝ้าเพดานก็ปิดลงมา เดาออกใช่ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น ลองให้ลิงอยู่กับกล้วยกันตามลำพังอย่างนี้ และยิ่งเวลานั้นเป็นเวลาของมื้ออาหารพอดีเสียด้วย ใช่ครับ...ลิงทั้งหกพุ่งตัวไปที่บันไดกลางห้องทันที

เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นหรือครับ ท่านผู้อ่านบางท่านคงตั้งคำถามไว้ในใจแล้วว่ามนุษย์ผู้สร้างห้องของลิงทั้งหกนี้คงต้องทำกลไกอะไรบางอย่างไว้ให้ในห้องบ้างเป็นแน่ทันทีที่ลิงตัวแรกเข้าไปถึงบันไดและมือของมันสัมผัสบันได ปลายท่อโลหะที่มีอยู่เต็มไปหมดบนผนังและเพดานห้องก็พ่นฉีดน้ำเย็นออกมาอย่างแรง

น้ำนั้นเย็นเฉียบอุณหภูมิใกล้ๆ น้ำแข็งเลยครับ และก็พ่นออกมาด้วยแรงดันค่อนข้างสูง ลิงทั้งหกแตกกระจายไปหลบตามมุมห้องทันที เพราะดูเหมือนว่าผู้สร้างห้องนี้ขึ้นมาจงใจจะให้ตรงบริเวณที่บันไดตั้งอยู่มีท่อน้ำมากกว่าที่อื่นเป็นพิเศษ ลิงกับน้ำนี้ไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว บางตัวร้องลั่นด้วยความตกใจ บางตัวแอบนั้งตัวสั่นอยู่หลังก้อนหิน

ถึงตอนนี้ห้องทั้งห้องก็เปียกไปหมดแล้ว หนำซ้ำความหนาวเย็นก็เริ่มแผ่ไปทั่วทั้งห้องด้วยฝีมือการลดอุณหภมิของมนุษย์ผู้สร้างห้อง เหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง เมื่อลิงทั่งหกอยู่ห่างจากบันไดได้สักพัก ท่อน้ำก็หยุดฉีดน้ำ ปุ่มที่ควบคุมอุณหภูมิห้องถูกมนุษย์ปรับเข้าที่เดิม

ลิงตัวที่โตที่สุดยังคงจ้องมองกล้วยหวีนั้น และด้วยความอยากได้ มันคลานเข้าไปหาบันไดอีกครั้ง หลังจากเดินวนรอบบันไดอยู่สองสามรอบ มันก็ทำท่าจะปีนบันได ลิงอีกห้าตัวค่อยๆ คลานเข้ามาสมทบ ไม่รู้จะด้วยกลัวถูกลิงตัวอื่นๆ แย่งกล้วยหรือด้วยความหิว เพราะถึงมื้ออาหารแล้ว เจ้าลิงตัวโตตัวนั้นรีบปีนบันไดขึ้นไปทันทีและในทันทีเช่นเดียวกัน น้ำเย็นเฉียบถูกฉีดออกมาอย่างแรงไม่แพ้ครั้งแรก เจ้าลิงตัวโตนั้นโดนเข้าเต็มๆ หน้าจนแทบจะตกบันไดห้องทั้งห้องหนาวและเปียกยิ่งกว่าเดิม

อาหารประจำมื้อถูกนำเข้าเอามาให้แล้ว พวกมันคลานเข้ามากินอย่างมูมมามด้วยความหิวและหนาวสั่น

เวลาผ่านไปอีกราวสัปดาห์ กล้วยถูกเปลี่ยนหวีใหม่ เพราะหวีเก่านั้นงอมจนเปลือกดำไปหมดมนุษย์ผู้สร้างห้องนี้ขึ้นมาบันทึกไว้ว่า หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาท่อน้ำที่ฉีดออกมาทั้งสิ้นห้าครั้ง สองครั้งแรกฉีดออกมาตอนที่กล้วยเพิ่งนำมาแขวนใหม่ๆ ครั้งที่สามฉีดออกมาตอนกลางคืนของคืนนั้น เพราะเจ้าลิงตัวโตพยายามจะลองปีนบันไดไปเอากล้วยอีก ในครั้งที่สี่ท่อฉีดน้ำออกมาในบ่ายของอีกวันหนึ่ง มันเป็นเวลาอาหารมื้อหนึ่งที่ผู้ให้อาหารนำอาหารมาส่งช้าไปหน่อย ลิงตัวหนึ่งทนหิวไม่ไหวจึงปีนบันไดขึ้นไป และไม่ทันถึงขั้นที่สองดีห้องทั้งห้องก็เปียกชุ่มไปหมด

ส่วนในครั้งที่ห้าที่ท่อน้ำฉีดออกมา คราวนี้ไม่ได้มีลิงตัวใดปีนบันไดขึ้นไปเอากล้วยแต่อย่างใด มีเพียงแต่ลิงสองตัวเล่นปล้ำกันและตัวหนึ่งกลิ้งไปถูกเสาบันไดเท่านั้นแต่ถึงแค่นั้นน้ำเย็นจัดก็ถูกฉีดออกมาเช่นกัน
เวลาผ่านไปอีกราวหนึ่งเดือน กล้วยถูกเปลี่ยนไปแล้วเจ็ดหวี แต่บันทึกของมนุษย์ผู้สร้างห้องกลนี้ ยังคงบันทึกไว้ว่าท่อน้ำเย็นยังคงทำงานห้าครั้งเท่าเดิม ในบันทึกนั้นยังเขียนเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่มีลิงตัวไหนย่างกรายเข้าไปเข้าไปใกล้บันไดเลย

กลางเดือนที่สอง ท่อน้ำถูกฉีดอีกครั้ง เพราะลิงตัวเล็กตัวหนึ่งพยายามจะปีนบันไดอีกและหลังจากน้ำถูกฉีดลง ลิงอีกห้าตัวก็เริ่มคำรามใส่ลิงตัวเล็กตัวนั้น ขึ้นเดือนที่สาม มนุษย์นำลิงตัวเล็กออกมา และก็นำลิงตัวใหม่เข้าไปในห้อง และไม่ทันถึงสิบนาทีดีกลิ่นกล้วยหอมก็เริ่มก่อคดี ลิงตัวใหม่คลานไปที่บันไดอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่สายตามองกล้วยด้วยความอยากกินสุดขีด และแน่นอนทันทีที่เข้ามาใกล้บันได ลิงห้าตัวที่อยู่มาก่อนก็พุ่งตัวเข้ามาขวางไว้พร้อมกับแยกเขี้ยวอย่างดุร้ายน้ำยังไม่ถูกฉีดออกมา ลิงตัวใหม่หลบไปนั้งอยู่ข้างก้อนหินอย่างหวาดกลัว

หลังอาหารมื้อนั้น ลิงตัวใหม่คลานเข้าไปนั้งดูหวีกล้วยที่แขวนบนบันไดอีกครั้ง คราวนี้มันเข้าไปไกล้กว่าเดิม

หอมยวนใจอะไรอย่างนี้ ผมว่ามันคงคิด ด้วยความที่มันเข้าไปใกล้บันไดเกินไป ลิงตัวโตจึงพุ่งเข้ามาเป็นตัวแรก และก็งับที่แขนของลิงตัวใหม่ด้วยความโกรธ ลิงตัวเก่าอีกสี่ตัวไม่รอช้าครับ รีบเข้ามาสบทบและมหกรรมหมาหมู่ในสังคมลิงก็อุบัติขึ้น ถึงจะมีแผลไม่มากนัก แต่ลิงผู้มาใหม่ก็ถูกโจมตีอย่างนี้ถึงสามสี่ครั้งที่เผลอเข้าไปใกล้บันไดและจากนั้นเป็นต้นมา ลิงใหม่ก็ไม่กล้าเฉียดกายเข้าไปใกล้บันไดอีกเลย

เวลาผ่านไปอีกสี่เดือน ท่อน้ำก็ยังไม่ถูกสั่งให้ทำงานอีกเลยแม้กล้วยจะถูกเปลียนไปไม่รู้กี่สิบหวีแล้ว และถึงตอนที่ลิงตัวเก่าได้ถูกเปลียนออกไปแล้ว 3 ตัว เท่ากับว่าตอนนี้มีลิงตัวเก่าที่เคยเจอปรากฏการณ์การหนางสะท้ารโลกเพียง 3 ตัว และลิงตัวใหม่ที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์นั้น 3 ตัว รวมทั้งหมดเป็น 6 วานรดังเดิม
เดือนที่ห้า ลิงตัวใหม่ตัวที่สี่กำลังถูกนำเข้ามา ลิงตัวเก่าตัวหนึ่งกำลังจะออกไป

ไม่น่าเชื่อนะครับว่าบันไดธรรมดาอันนั้นได้กลายเป็นบันไดอาญาสิทธ์ที่แตะต้องไม่ได้ไปเสียแล้วสำหรับหมู่วานร และก็เช่นเดินทุกครั้งที่ลิงตัวใหม่จะถูกรุมกัดทันทีที่ย่างกรายเข้าไปใก้ลบันไดแต่ที่น่าแปลกใจอย่างที่สุดก็คือ ลิงกลุ่มใหม่สามตัวที่เข้ามาที่หลังนั้นแม้จะไม่รู้เหตุผลของการปกป้องบันไดคืออะไรก็ตาม แต่พวกมันกลับแสดงอาการข่มขู่ผู้เข้าใกล้บันไดอย่างดุร้ายก้าวร้าวกว่าลิงตัวเก่าที่เคยมาอยู่ก่อนเสียอีก และเมื่อบันทึกของมนุษย์ผู้สร้างห้องกลนี้บันทึกถึงตอนที่ลิงตัวเก่าถูกเปลียนออกไปจนหมด ทำให้ห้องทดลองนี้มีลิงทั้งหกตัวเป็นลิงตัวใหม่ทั้งหมด บันไดก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องห้ามของมัน

กล้วยยังคงถูกเปลียนให้ใหม่สดอยู่เสมอ และบันไดก็ยังคงไม่ถูกสัมผัสโดยลิงเลยแม้แต่ตัวเดียวมาเป็นเวลาเกือบปีแล้วลิงรุ่นใหม่ยังคงถูกเปลียนเข้ามาอีกหลายรุ่น และเมื่อไดก็ตามที่ลิงตัวใหม่ที่เพิ่งเข้ามาพาตัวเองเข้าไปใกล้บันได ไม่ว่าจะด้วยจุดหมายใดก็ตาม การขู่คำรามก็จะเกิดขึ้น และถ้าผู้มาใหม่ไม่เชื่อฟัง การโจมตีอย่างรุนแรงก็จะตามมา

การทดลองของนักวิทยาศาสตร์

เรื่องนี้บอกอะไรเราบ้าง

นักวิชาการหลายคนพูดถึง corporate culture ซึ่งมีคนแปลไว้ว่าวัฒนธรรมองค์กร แปลเป็นไทยอีกทีก็คือ ธรรมเนียมปฎิบัติที่ถูกสั่งสมกันมาจากพนักงานรุ่นก่อนๆ และเมื่อพนักงาน ใหม่ๆที่เข้ามาก็จะปฎบัติตามโดยไม่รู้ที่มาของเหตุผล เป็นธรรมเนียมทีไม่มีรายลักษณ์อักษรบ่งบอกไว้ ไม่มีในกฎระเบียบข้อใดขององค์กรเลย

นักประวัติศาสตร์บางคนฟังเรื่องการทดลองนี้แล้ว นึกไปถึงในครั้งอดีตที่มีการสั่งประหารชีวิตผู้ที่ประกาศทฤษฎีอะไรก็ตามที่ขัดต่อศาสนาของตนเอง

นักศึกษาอีกหลายคนนึกถึงระบบรุ่นโซตัสของรุ่นพี่รุ่นน้องที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัย

น้องผู้หญิงของผมคนหนึ่งที่เล่าเรื่องการทดลองนี้ให้ฟัง เธอทำหน้าแหยๆ แล้วก็พูดว่ามนุษย์เรานี้ใจร้ายชอบทรมานสัตว์

ผมคิดเอาเองว่าที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ลิงเป็นสัตว์ทดลองครั้งนี้ ก็เพราะลิงเป็นสัตว์ที่ฉลาดใกล้เคียงกับมนุษย์ และที่สำคัญลิงเป็นสัตว์สังคมเหมือนมนุษย์ ถ้าเราลองเปลี่ยนสัตว์ในการทดลองนี้ไปเป็นสัตว์ที่ต่างตัวต่างอยู่ไม่ได้อยู่กันเป็นสังคมอย่างเสือหรือนกบางประเภท ผลที่ได้อาจออกมาเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่น ไม่ว่าอีกตัวหนึ่งจะพยายามปีนบันไดเท่าไรก็ตาม ตัวอื่นๆ ก็อาจไม่สนใจอะไร ได้แต่นอนหลบน้ำเย็นที่ฉีดออกมาไปเรื่อยๆ

การทดลองเรื่องลิงหกตัวยังไม่จบแค่นั้นครับ

หลังจากที่มนุษย์ทำให้บันไดตัวนั้นกลายเป็นบันไดอาญาสิทธิ์ไปแล้ว การแขวนกล้วยก็ถูกยกเลิกไป แต่ลิงทั้งหกตัวก็ยังไม่มีตัวไหนกล้าที่จะเข้าไปไกล้บันได คงต้องรอสักวันหนึ่งที่บังเอิญมีลิงตัวไหนพลาดไปถูกบันไดเข้า แล้วมนุษย์ก็บังเอิญลืมเปิดน้ำฉีดลงมา ความคิดกบฎต่อความเชื่อเก่าๆ ก็อาจบังเกิดขึ้น หรือว่าโลกเรานี้ก็คือห้องๆ หนึ่งที่ถูกใครก็ไม่รู้สร้างขึ้นมา สร้างเสร็จแล้วก็สร้างความเชื่อตามมาให้ด้วย และก็มีความเชื่อมากมายหลายอย่างที่เป็นความเชื่อที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนเหตุผล เป็นความเชื่อประเภทเดียวกับความเชื่อที่ว่าใครไปถูกบันไดแล้วจะมีน้ำฉีดออกมานั้นละครับ

มันอยู่ที่ว่าจะมีลิงตัวไหนกล้าปีน
บันไดไปเอากล้วยที่แขวนอยู่

เพราะถ้ามันไม่ใช่เหตุผลจริงๆ

มันต้องมีสักวันหนึ่งหรอกน่าที่

ไอ้เจ้าคนที่สร้างห้องนี้ขึ้นมามันลืมเปิดท่อน้ำบ้าง.....



คอลัมน์ : คุญกับประภาส

โดย : ประภาส ชลศรานนท์

ไม่มีความคิดเห็น: