วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550

ทักษิณคิดตั้งรบ.พลัดถิ่นเมื่อ 19 กันยา "โทรศัพท์จากบุคคลลึกลับ" และ สุรเกียรติ เสถียรไทย

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

" ว่าด้วยทักษิณคิดตั้งรบ.พลัดถิ่นเมื่อ 19 กันยา "โทรศัพท์จากบุคคลลึกลับ" และ สุรเกียรติ เสถียรไทย "

ก่อนหน้านี้ ผมได้โพสต์เกี่ยวกับการพูดของ จักรภพ ที่ FCCT โดยอ้างจากที่ Bangkok Pundit สรุป
(เสริมด้วยที่มีผุ้ใช้นามว่า Observer มาเล่า ในกระทู้ของ Republican ที่ New Mandala) http://www.sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=23436
Bangkok Pundit เล่าว่า จักรภพ อ้างว่า เดิมทักษิณคิดเรื่องตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่มีโทรศัพท์จากบุคคลที่จักรภพ ไม่ยอมระบุชื่อ จากเมืองไทย ทำให้ทักษิณเปลียนใจ Bangkok Pundit ตั้งข้อสงสัยว่า บุคคลดังกล่าว ไม่น่าจะใช่ เปรม เพราะถ้าเป็นเปรม จักรภพน่าจะระบุชื่อไปแล้ว (เพราะระบุชื่อเปรมไปเยอะ) ในกระทู้ NewMandala, ผู้ใช้ชื่อ Observer เล่าว่า ได้ยินมาว่า มีโทรศัพท์จากคนที่ชื่อ SS

" they contemplated setting up a gov’t in exile but were foiled by a phone call to Thaksin. While he [จักรภพ] would not reveal that source, earlier versions of the story that I have heard claimed the initials were SS. "

ต่อมา คุณ Observer ได้เขียนว่าเขาได้ยินมานานแล้วว่า คนที่โทรศัพท์ทำให้ทักษิณล้มความตั้งใจคือ
สุรเกียรติ

I had heard months back from good sources that the call came from Surakiat who “betrayed” Thaksin.

แต่ถ้า SS หมายถึง สุรเกียรติ จริงๆ เรื่องทีว่า "โทรศัพท์" ก็ออกจะไม่ "ลงตัว" นัก เพราะสุรเกียรติอยู่กับทักษิณที่นิวยอร์ค ยกเว้นแต่มีคำอธิบายที่ละเอียดกว่านั้นว่า โทรศัพท์จากเมืองไทย กับ การที่สุรเกียรติ อยู่กับทักษิณที่นิวยอร์กอยู่แล้ว มันปะติดปะต่อกันได้อย่างไร?

บัดนี้ เว็บไซต์ Hi-Taksin ได้มีบทความ ที่เล่า story นี้อย่างละเอียดขึ้น และทำให้เรื่อง "ลงตัว" มากขึ้น กล่าวคือ ทำนองว่า สุรเกียรติ เสถียรไทย เป็นคนที่ได้ "ป้อน" ข้อมูลทำให้ทักษิณล้มเลิกความตั้งใจตั้ง รบ.พลัดถิ่น (บทความไม่ได้ใช้คำนี้ตรงๆ แต่เป็นไปทำนองนั้น) โดยสุรเกียรติอ้างว่าได้ข้อมูลมาจาก
"ฟ้าเบื้องบน" ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ เรื่องโทรศัพท์ (ซึ่งบทความไม่ได้พูดโดยตรง) ก็คงจะเป็นว่า
สุรเกียรติ เป็นคนโทร ( หรืออ้างว่าได้โทร ) คุยกับทางกรุงเทพ แล้วบอกทักษิณอีกต่อหนึ่ง แน่นอน
เรื่องทั้งหมดนี้จริงแค่ไหน ยากจะบอกได้ เพราะหาหลักฐานอื่นยืนยันไม่ได้

ตัวบทความเองก็น่าสนใจมาก ในแง่ที่โจมตีสุรเกียรติอย่างหนัก ถึงขั้นด่าว่าเป็น "ป้า" (เกย์)

(ผมสงสัยว่า อาจจะเกี่ยวกับการที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไปอ้างเรื่องสุรเกียรติเล่าให้เขาฟังว่า ทักษิณโจมตีในหลวงที่นิวยอร์กหรือไม่? นี่เป็นการ "เอาคืน" กับสุรเกียรติ หรือไม่?)

(ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งคือ ดูจากน้ำเสียงบทความ ค่ายทักษิณ และอาจจะตัวทักษิณเอง เริ่มรู้สึกเสียใจและคิดว่า ตัดสินใจผิด ที่ไม่สู้ในตอนรัฐประหาร - นานมาแล้ว ผมเคยเขียนกระทู้อันหนึ่งว่า การต้านรัฐประหารแต่ต้น มีโอกาสสำเร็จได้จริงๆ ฝ่ายทักษิณเองต้องสู้ สงสัยค่ายทักษิณ จะกำลังคิดย้อนหลังถึง missed opportunity ) ...

นี่คือส่วนสำคัญที่สุดของบทความ (เน้นคำตามต้นฉบับ) คงไม่จำเป็นต้องย้ำว่า ต้องอ่านอย่างวิเคราะห์,วิพากษ์,สงสัย เสมอ

สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นคนที่แนะนำให้นายกฯทักษิณ ยอมจำนนต่อการรัฐประหาร โดยอ้างว่าได้รับข้อมูลจาก “ฟ้าเบื้องบน” จึงทำให้นายกฯทักษิณ ที่เตรียมแสดงสุนทรพจน์ในเวทีสหประชาชาติ ต้องล้มเลิกความตั้งใจที่จะต่อสู้กับคณะรัฐประหาร และยอมที่จะไม่กล่าวสุนทรพจน์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หลังการรัฐประหารสิ้นสุดลงหมาดๆ นักวิเคราะห์ของสำนักข่าวต่างประเทศ วิเคราะห์ไปในแนวทางเดียวกันว่า หากนายกฯทักษิณ ไม่ปล่อยโอกาสแสดงสุนทรพจน์ในเวทีสหประชาชาติ หลุดลอยไป การเมืองไทยก็จะพลิกโฉมไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของคณะรัฐประหาร เช่นทุกวันนี้

เนื่องเพราะ ณ วันที่ 19 กันยายน 2549 ในเวทีสหประชาชาติ ให้การยอมรับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย เพียงคนเดียว เท่านั้น สหประชาชาติ ไม่ได้ให้การยอมรับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิป ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เป็นผู้นำประเทศไทย

ดังนั้น หากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้โอกาสที่อยู่ในเวทีสหประชาชาติ กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งแน่นอนว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องยืนยันสถานภาพตนเอง ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย และเรียกร้องให้สหประชาชาติ พิจารณาการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศของไทย ด้วยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ก็จะทำให้การรัฐประหารในประเทศไทย และ คปค. อยู่ในสถานะที่ลำบาก ถูกต่อต้านจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ทันที และ เหตุการณ์ในประเทศไทย จะเลวร้ายมากขึ้นไปอีก หากว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวทีที่ประชุมสหประชาชาติ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น และขอให้สหประชาชาติสนับสนุน ด้วยเหตุผลว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

แต่ด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และ ความรัก ความห่วงใยที่มีต่อประเทศไทยอันเป็นแผ่นดินเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ จึงกล้ำกลืนฝืนทน ยอมจำนน และก้มหน้ารับความพ่ายแพ้ ทั้งๆ ที่มีศักยภาพ มีความพร้อม และมีความได้เปรียบที่จะต่อสู้กับคณะรัฐประหาร ได้อย่างสบายๆ เพราะหลงเชื่อ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งอยู่ใกล้ตัวในขณะนั้น ที่อ้างว่าได้รับข้อมูลจาก “ฟ้าเบื้องบน” และคิดแล้วว่าหากประกาศสู้ในเวทีสหประชาชาติ ก็จะทำให้ประเทศไทย บอบช้ำ และประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อน เสียหาย ผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทย หลายร้อยคนต้องตกอยู่ในอันตราย

พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเลือกที่จะรับความทุกข์ ความเดือดร้อน และความเสียหาย ไว้แต่เพียงคนเดียว เพราะคิดดีแล้วว่ายอมเจ็บคนเดียว เพื่อประเทศชาติอยู่รอด และประชาชนปลอดภัย น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ยามนั้น แต่เวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ คงประจักษ์แล้วว่า “คิดผิด” เพราะหลงเชื่อคนผิด และได้รับข้อมูลผิด ในภาวะที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุด

คิดผิด ว่า หากยอมเสียสละยอมรับ ความเจ็บปวดคนเดียว ประเทศชาติจะไม่บอบช้ำ ประชาชนจะไม่ตกระกำลำบาก เช่นทุกวันนี้ แต่สถานการณ์ในประเทศไทย กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้อง พัวพันกับนายกฯทักษิณ และพรรคไทยรักไทย ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า แม้แต่ พรรคไทยรักไทย ก็ถูกยุบ กรรมการบริหารพรรค 111 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมืองทั้งหมด นโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาลไทยรักไทย ถูกรื้อ และทอดทิ้ง เช่น กองทุนหมู่บ้าน OTOP กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หวยบนดิน ฯลฯ ประเทศชาติเสียหายย่อยยับ ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส

หลงเชื่อคนผิด คิดว่า สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นคนที่รู้จักบุญคุณคน และจะไม่ทรยศหักหลัง เพราะให้การสนับสนุน มอบความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ รองนายกรัฐมนตรี แต่ในภาวะวิกฤต สุรเกียรติ์ เลือกที่จะเอาตัวรอดเพียงคนเดียว โยนความผิดให้นายกฯทักษิณ ปั้นข้อมูลเท็จใส่ร้าย เพื่อให้คณะรัฐประ หารพึงพอใจ

ได้รับข้อมูลผิด ติดกับดัก “ข่าวเท็จ” ที่สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ป้อนให้ ว่า “ฟ้าเบื้องบน” บอกให้ยอมแพ้ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงเห็นชอบกับการรัฐประหาร และไม่โปรดคณะรัฐประหาร ดังเห็นได้จากการไม่พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจุลจอมเกล้าวิเศษ แก่ นายทหารที่ทำการรัฐประหาร และ ภริยา แม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพในอดีต และภริยา เกือบทุกคนจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณ

กล่าวได้ว่า สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นคีย์แมนคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อ การตัดสินใจของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยการอ้างถึงสถานะของตนว่ามีความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นที่โปรดปรานพิเศษของ “ฟ้าเบื้องบน”

สุรเกียรติ์ เสถียรไทย มักจะใช้สถานะ “หลานเขย” ต่อรองตำแหน่งทางการเมือง ได้มาหลายครั้งหลายหน เพราะมีคนหลงเชื่อ และครั้งนี้ นายกฯทักษิณ ก็เป็นอีกคนที่หลงเชื่อ...

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เก่งจัง จับแพะชนแกะแล้วสรุปเอาเองว่าทักษิณจงรักสถาบันจึงไม่สู้
โถ น่าจะสู้นะตอนนั้น จะได้โดนทหารจัดการรุนแรงเ็ด็ดขาด ทั้งยึดทรัพย์และคดี
รู้ว่าถ้าสู้แล้วจะโดนหนัก ถึงได้ไม่สู้
สมเพช