วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เรื่องสั้น : THE PEOPLE ARE AWAKENING : เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ


การถูกจำขังครั้งสุดท้ายของเขาทรมานสาหัสเอาการอยู่ เมื่อได้รับการปลดปล่อยแล้ว การถูกเนรเทศไปอยู่บ้านนอกยิ่งสุดแสนทน ครั้งครบกำหนดแล้ว เขาหวนกลับมายังเมืองหลวงได้พบว่าตัวเองแสนโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนชาวกรุง ขณะที่เขาอยู่ในเรือนจำนั้น ภรรยาของเขาฟ้องหย่าขาดอำลาเขาไปแล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ คนย่อมตกอยู่ในห้วงท้อแท้ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามร้ายกว่านั้น เขาไม่มีเงิน ไม่มีทางทำมาหากิน เขาจำต้องถอนตัวออกจากการเมืองแล้วหางานทำเพื่ออยู่รอดเสียแล้วละหรือ ?

เบื้องแรก เขาต้องหาชายคาเพื่อศีรษะของเขาจะได้ซุกเข้าไปอยู่ ค่าเช่าบ้านในย่านกลางนครหลวงแพงลิบลิ่ว แพงไม่แต่ในใจกลางเมืองที่ชานเมืองก็พอกัน เขาโมโหโทโสกับเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ที่มายังบ้านของเขา ยึดเอาเครื่องพิมพ์ดีดโกโรโกโสจำนำไม่ได้แล้ว และสิ่งของส่วนตัวที่จำไม่ได้สองสามชิ้นไป เพราะว่าเขาไม่สามารถเสียค่าเช่า

เขาเอือมระอากับเพื่อนบ้านที่จ้องเพ่งเขาตั้งแต่หัวถึงเท้าราวกับว่าได้เห็นสัตว์ดุร้ายป่าเถื่อนเป็นครั้งแรกฉะนั้น และเบื่อการจ้องมองที่เป็นปรปักษ์จากสายตาที่สอดรู้สอดเห็นระคนความตระหนกตกใจของคนหล่านั้น เขาจึงเสาะหาบ้านเล็ก ๆ ราคาถูก ๆ เช่า ในที่เปลี่ยวไกลสุดไกลไปจากชานเมือง

เขาซอกซอนแสวงหาก็ได้บ้านดังหวัง เป็นเพิงติดพื้นดิน มีห้อง ๆ หนึ่งและครึ่งห้องอีกส่วนหนึ่ง เป็นละแวกที่มีบ้านไก้ลเรือนเคียงหย่อมเล็ก ๆ ประกอบด้วยกระต้อบติดพื้นราว ๆ ห้าหรือสิบหลังบนเนิน เดินมาจากในเมืองแล้วใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงไม่มากไม่น้อย

เพิงซุกหัวนอนเหมาะกับเขาจริง เพราะแต่ละกระต๊อบของเพื่อนบ้านอยู่ห่างกัน เขาไม่มีอะไรเลยนอกจากกระเป๋าเก่า ๆ สองใบใส่หนังสือไว้เต็มและของกระจุกกระจิกโกโรโกโสสองสามชิ้น

เขาเอากระดาษหนังสือพิมพ์แขวนเป็นม่านที่หน้าต่าง เขาสุขใจ เดี๋ยวนี้เขาจะหางานเล็ก ๆ น้อย ๆทำ เพื่อว่าจะประทังชิวิตอยู่ได้

เลยเพิงบ้านของเขาไป แต่อยู่ตรงข้ามเป็นเพิงขายของชำ เยื้องไปทางซ้ายของเพิงนั้น เป็นเพิงขายผักและผลไม้อยู่ใต้เต๊นท์ที่จะพังมิพังแหล่ เขาซื้อของจากเพิงทั้งสองแห่ง

เขาจึงคุ้นเคยกับคนขายของชำ และคนขายผักทีละน้อย ทั้งสองขายของได้เพียงเล็กน้อย มีลูกค้าห้าหรือหกคนมาซื้อในวันหนึ่ง ๆ เป็นลูกค้าที่ไม่ให้กำไรได้เงินมาก ครขายของชำและคนขายผักผลไม้ไม่อาจเปิดร้านขายในย่านชุมชน เพราะไม่มีเงินลงทุนกับเงินเซ้งร้าน

ไม่กี่วันหลังจากวันที่เขาได้ย้ายมาอยู่ในเพิงพักแล้ว คนเร่ขายขนนปังขนนโดนัทก็มาขายอยู่ตรงหน้าเพิงร้านขายของชำ มาทุกเวลาบ่ายแล้วอยู่จนค่ำ ต่อมาคนเร่ขายข้าวโพคคั่วมาขายอยู่ข้าง ๆ คนขายขนมปัง

ตรงมุมแผงลอยขายผลไม้ มีคนยืนขายขนมเค้ก ลูกกวาด และน้ำอัดลม มิช้าคนขัดรองเท้า คนขายผลไม้ดอง คนขายขนมหวานก็มา คนซ่อมรองเท้าก็มาแมะอยู่ใต้ร่มกันแดดเก่า ๆ

ในช่วงเวลาอันสั้น ตลาดเล็ก ๆ ก่อเกิดขึ้นทางฟากตรงข้ามเพิงพักของเขา คนกวาดขยะคอยกวาดตลาดแต่เช้าจรดกลางคืน ช่างขยันจริง ๆ

พวกเร่ขายของแห่กันมาเต็มตลาด ร้านขายกาแฟกลางแจ้งก็ตั้งขึ้นระหว่างร้านขายของชำกับแผงลอยขายผลไม้ ผู้คนเริ่มมาซื้อของที่ตลาดย่อยนั้นบ่อย ๆ

ห้องหับในกระต๊อบใก้ลเคียงซึ่งเคยทิ้งว่างไว้เป็นเวลานานก็มีคนมาเช่าอยู่เต็มเหมือนกัน

เขารู้สึกเป็นสุขในบรรยากาศที่รื่นเริงและสนุกสนานนั้น แต่เขายังคงมีปัญหาสุมอกอยู่อย่างหนึ่ง คือยังไม่มีงานทำไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไร เขาไม่อาจหางานทำได้ คนหลายคนที่ดูเหมือนว่าจะให้งานแก่เขา เปลี่ยนใจเมื่อทราบประวัติของเขาจากตำรวจซึ่งติดตามเขาอยู่เบื้องหลัง

จะยืมเงินจากเพื่อนฝูงย่อมเป็นไปไม่ได้เพราะพวกเขาก็ไม่มีงานทำและถังแตกเช่นเดียวกับเขา เขาคิดว่าเขาจะไปแบ่งอยู่ห้องเดียวกันกับเพื่อนในแฟลตที่ในเมืองอย่างน้อยก็เป็นทางออกจากการเสียค่าเช่าเพิงพัก เพื่อนของเขารับข้อเสนอของเขาแล้ว แต่ไม่ง่ายนักที่จะไปจากที่นี่

เขายังเป็นหนี้พ่อค้าขายของชำ พ่อค้าผักและพ่อค้าเร่ คนหนึ่งหรือสองคนถึงจะเป็นเงินไม่มาก แต่เขาต้องล้างหนี้ให้ได้

คืนหนึ่งขนะที่นอนอยู่ในเพิง ครุ่นคิดว่าจะขายอะไร เพื่อใช้หนี้และจะได้ย้ายออกไปอย่างไร มีคนมาเคาะประตู คนสามคนที่มาคือ คนขายของชำ คนขายผลไม้และคนขายกาแฟ....เขาต้อนรับผู้มาเยือนทั้งสามทั้ง ๆ ที่กระดากใจต่อสภาพห้องที่ซอมซ่อของเขาเอง

"โปรดอภัย ผมไม่มีกาแฟหรืออะไรต้อนรับพวกคุณเลย..." เขาพูด

คนทั้งสามยิ้มกล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอกอาจารย์ เราเอาของมาให้นี้ไง กาแฟ น้ำตาล..." คนขายของชำเอาถุงวางบนโต๊ะ

เขาประหลาดใจ ทำไมพวกเขาถึงเอาของเหล่านี้มาให้ ? ในตอนแรกเขาคิดว่าพวกนั้นมาขอเงินค่าหนี้ แต่กับของขวัญนั้น ๆ อะไรล่ะ ?

คนขายผลไม้เอ่ยขึ้น "ถ้าตามที่เราได้ฟังได้ยิน อาจารย์จะย้ายไปจากที่นี้ "

" ถูกแล้ว ผมจะย้าย... "

บัดนี้เขาเข้าใจแล้วทำไมพวกนั้นมาพวกเขาคงตกใจคิดว่า เขาจะย้ายออกไปโดยไม่ยอมใช้หนี้ ประมาณว่าจะ ชักดาบ

" ใช้ แต่พวกคุณได้ยินมาจากไหนว่าผมจะย้าย ? "

คนขายกาแฟพูดอย่างรู้ทัน "เราได้ยินเรามีหูแนบดิน หูทิพย์..."

"อย่าวิตก ผมยังจะไม่ไปจนกว่าจะใช้หนี้พวกคุณ..."

คนขายกาแฟ "อาจารย์ทำให้พวกเราละอายใจนะ มีใครพูดถึงเรื่องนี้ละ?"

คนขายของชำ "พวกเราไม่ได้เอ่ยถึงมันเสียด้วยซ้ำนะอาจารย์ อีกอย่างมันมากเสียเมื่อไรล่ะ "

คนขายผลไม้ " ในส่วนของผมยกให้หมด ผมไม่ขอร้อง ถึงให้ก็ไม่เอา "

" ทำไม ? "

" พวกเรารู้ถึงคุณค่าของอาจารย์ครับผม...อาจารย์ช่วยพวกเราเหลือหลาย... "

เขารู้สึกตื่นเต้นจุกคอ กล่าวเพียงว่า

" คุณพระช่วย... "

พวกเขารู้จักเขา พวกเขารู้ว่าเขาทำงานเพื่อประชาชนคนยากเหล่านี้ ไยล่ะเขาจึงเห็นตัวเองถูกจับตรึงอยู่ไว้ด้วยความไร้หวัง ? ไยล่ะเขาจึงท้อแท้และเสแสร้งจะถอนตัวจากการเมือง ? ใจคอจะสามารถทอดทิ้งคนเหล่านี้ล่ะหรือ ?

คนขายกาแฟพูดว่า "พวกเราวิงวอนโปรดเลิกคิดย้ายไปจากที่นี้ "

คนขายผลไม่เสริม " ใช่แล้ว พวกเรามาขอร้อง "

" ผมต้องย้าย เพราะผมไม่มีเงินเสียค่าเช่า... "

คนขายผลไม้ "พวกเรา พวกเรารู้หมด พวกขายของย่านนี้คิดกันแล้ว หารือกันแล้วตกลงเก็บค่าเช่าจากพวกเรา เสียให้อาจารย์ทุกเดือน ทั้งหมดที่พวกเราขออาจารย์ คือ อย่าไปจากที่นี้..."

คนขายของชำ "โปรดอย่าทิ้งพวกเราไป อย่าวิตกถึงเรี่องค่าเช่า..."

ดวงตาของเขาพร่าด้วยน้ำตาของความสุข เขาอาจจะร้องไห้ขึ้นมาในบั้นปลายของหลายปีแห่งการต่อสู้เพื่อสังคม เขาเพิ่งได้รับความซาบซึ้งเป็นหนแรก

"เป็นไปไม่ได้ " เขาว่า "ผมไม่สามารถรับได้...ไม่ใช่แต่เรื่องค่าเช่าเท่านั้น ผมยังไม่มีงานทำ อยู่ที่นี้หาเลี้ยงชีพยาก ผมจึงจะย้ายไปอยู่กับเพื่อน "

คนขายกาแฟ "พวกขายของย่านนี้พูดถึงเรื่องธุรกิจกันมาหลายวันนี้ทีเดียวเชียว พวกเราคิดนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งการที่จะให้อาจารย์อยู่สบาย...

อาจารย์ต้องใช้จ่ายอะไรต่อเดือน พวกเราจะแชร์กันมอบเงินให้อาจารย์ ได้โปรดอย่าไปจากที่นี้ อย่าทิ้งพวกเราไปดื้อ ๆ "

คนทั้งสามพร่ำวอน

เขาเกือบจะระงับความรู้สึกไม่ได้ ร้องไห้ออกมา ไม่ว่าจะพูดอะไรไปแล้วก็ตามที

ได้มีการคลี่คลายขยายตัวที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือการตื่นตัวของประชาชนแห่งประเทศหลายปีที่ผ่านมา เขามิได้ทำงานเสียเปล่า ครั้งกระโน้น คนเหล่านี้ไม่เคยทักทายเขาเสียด้วยซ้ำ

" ขอบคุณมาก " เขาว่า "ขอให้เจริญพวกคุณทำให้ผมจับใจอย่างลึกซึ้งแต่ผมไม่อาจรับความช่วยเหลือจากพวกคุณ..."

พวกเขาเริ่มขอร้องอีก คนขายของชำ "ที่นี้ไม่เหมาะสมกับอาจารย์

ไม่ใช้ที่ควรอยู่...ถ้าอาจารย์ไม่ชอบที่นี้ มีบ้านสองชั้นอยู่ใก้ล ๆ มีห้องน้ำพร้อมและ...ให้พวกเราเช่าให้อาจารย์..."

คนขายกาแฟ "เราต้องการอาจารย์ในละแวกนี้ เราไม่ต้องการให้อาจารย์อยู่ไกลจากพวกเรา..."

เขาเริ่มใคร่รู้มากขึ้น

" ทราบ แต่ทำไมพวกคุณอยากให้ผมอู่ที่นี ? "

" เป็นที่เห็นชัด ครับผม พวกเราคนทำมาค้าขายเลี้ยงชีพได้เพราะอาจารย์ "

" พระเจ้าช่วย ผมไม่ได้อุดหนุดพวกคุณมากมายเลยนี้ "

" ไม่ใช่การขายของให้กับอาจารย์เลย...ธุรกิจที่แท้จริงเป็นอย่างอื่นอาจารย์นำโชคมาโปรดที่นี่ ก่อนอาจารย์มา มีคนเพียงสามสี่คนมาซื้อของที่ร้านในวันนึ่ง ๆ อาจารย์ทำให้ที่นี้มีชีวิต อาจารย์นำความสุข ดูร้านใหม่ ๆ ที่เปิดขึ้นซี.." คนขายของชำ "เป็นเพราะอาจารย์ทั้งนั้น "

คนขายกาแฟ "โปรดสงสารพวกเรา อาจารย์ย้ายไปพวกเราก็พังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมต้องปิดร้านขายกาแฟ..."

คนขายผลไม้ "ถ้าอาจารย์ย้ายจากละแวกนี้ไป ที่นี่ก็ตายเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาก่อนพวกขายของก็จะโยกย้ายกระจายไป ลูกเมียพวกเราจะอดหิวแร้นแค้น..."

พวกเขายืนกรานเรียกร้อง มีครอบครัวเขาต้องนึกถึงด้วย พวกเขาทำมาหากินสบายก็เพราะเขา...ถ้าเขาต้องการ พวกเขายินดีจะให้เงินเดือนแก่เขาด้วย

" ขอบคุณทุกท่าน แต่ผมไม่ได้ทำอะไรให้พวกคุณเป็นประโยชน์มากถึงขนาดนั้น " เขาว่า "ยิ่งกว่านั้นตราบเท่าที่แขนขาของผมเองยังใช้ได้ผมต้องทำงาน...ถามจริง ๆ เถอะ ผมได้ทำอะไรให้พวกคุณนักหนา คุณถึงไม่ต้องการให้ผมไปจากที่นี้ "

คนขายผลไม้ "ไม่ว่าอาจารย์จะทำอะไรอื่น พวกเราไม่สามารถลืมความดีของอาจารย์ได้เลย พออาจารย์มาอยู่ย่านกระต๊อบนี้ ตำราจมา ปลอมตัวเป็นคนเก็บขยะ คนขัดรองเท้า เพื่อเฝ้าดูอาจารย์ ยังมีตำรวจอื่นมาเฝ้าตรวจพวกตำรวจเหล่านั้นอีกทีหนึ่ง ที่นี้จึงอุ่นหนาฝาคั่ง "

คนขายของชำ "ตอนแรกพวกตำรวจถามพวกเรา แล้วก็ทราบว่าอาจารย์ทำอะไรอยู่แถวนี้..."

คนขายผลไม้ "พวกตำรวจซื้อของจากพวกเรา...แล้วคนขายของใช้แล้วช่างทำรองเท้า คนขายลูกกวาดคนขายผลไม้ดอง คนขายขนนโดนัท และคนอื่น ๆก็มา "

คนขายกาแฟ "ผมเองเปิดร้านขายกาแฟได้เพราะอาจารย์แท้ ๆ ผมจึงเริ่มทำมาหากิน พวกตำรวจนั้งอยู่ในร้านผมจนค่ำ เล่นหมากรุกและไพ่ พวกเขาดื่มกาแฟสามสี่ถ้วยก็สวยแล้วสำหรับผม "

เขามองคนทั้งสามอย่างขมขื่น

" ตำรวจนอกเครื่องแบบทุกคนหรือ ? "

" บางคนเป็นตำรวจสายลับ บางคนไม่ใช่...ถ้าคนสิบคนรวมกันอยู่ในที่หนึ่ง คนอีกห้าสิบคนเขามานั้งด้วยนะครับ...ถ้าอาจารย์ไปจากที่นี้เดี๋ยวนี้ ย่านนี้จะกลับสู่สภาพเดิม...ตำรวจจะแห่ตามอาจารย์ไปอีก "

คนขายของชำ "พวกเราก็พังตามระเบียบ "

คนขายผลไม้ "โปรดส่งสารคนจนคนยากแค้น "

คนขายกาแฟ "โปรดอย่าเพิ่งจากที่นี้ไป จนกว่าพวกเราจะมีเงินทุนก้อนเล็ก ๆกันสักก้อน..."

เขาคิด สถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ย่อมเกิดขึ้นกับเขาในที่อื่นดุจกัน

"อึม" เขาว่า "ผมจะไม่ไปจากที่นี้ แต่เอาของที่คุณมาให้คืนไป "

เขาเอาถุงกระดาษสี่ถุงที่ว่างบนโต๊ะคืนให้แก่คนขายของชำ

ขณะที่พวกเขาจะจากไป คนขายผลไม้ถาม "จะให้พวกเราบอกข่าวดีแก่สหายอื่น ๆได้ไหมครับท่านอาจารย์ ? "

"ได้ ผมจะไม่ย้าย...ผมไม่ต้องการอะไรจากพวกคุณ..."

คนขายกาแฟ " ขอพระเจ้าโปรดคุ้มครองอาจารย์เถอะ..."


ผู้แต่ง : Aziz Nesin

จาก : THE PEOPLE ARE AWAKENING

แปลไทย : จินดา ดวงจินดา

ไม่มีความคิดเห็น: