วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

๒๔ มิถุนา-ยังไม่จบ


เมื่อคืนนี้มีคนรักประชาธิปไตยไปชุมนุมกันมากที่สนามหลวง เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบ ๗๖ ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสยาม เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ซึ่งเป็นวันที่พวกอำมาตย์เขาพยายามให้เราลืม

อยากให้ลืมทั้งวันและลืมทั้งคนที่ก่อกำเนิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสายพลเรือนที่นำโดย ดร.ปรีดี พนมยงค์ และสายทหารที่นำโดยพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ซึ่งเป็นนายทหารที่กุมอำนาจรัฐไว้ได้อย่างมั่นคงและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่กลับถึงแก่อสัญกรรมอย่างคนยากไร้ เงินติดบ้านแทบไม่พอจัดงานศพ เพราะซื่อสัตย์สุจริตต่อแผ่นดินอย่างหาใครเปรียบได้ยาก

นายทหารยศสูงๆในปัจจุบันจะมีจนขนาดนั้นสักกี่คน แค่ระดับผู้บังคับการกองพันก็ได้ทีละเป็นล้านๆจากการยึดอำนาจแต่ละครั้ง ยังไม่นับรวมถึงประโยชน์อันเกิดจากสถานีวิทยุบ้าง ค่าคุ้มครองต่างๆตามสไตล์มาเฟียบ้าง และอะไรอื่นๆอีกมาก

ตำนาน “เมียทหารนับขวด เมียตำรวจนับแบงก์” นี่กระจุยกระจายไปเลยน่าดีใจที่เหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ทำให้คนหวนกลับมาคิดถึงวันที่ ๒๔ มิถุนามากขึ้น พูดได้ว่าหากไม่มีการทำลายประชาธิปไตยอย่างครบวงจรกันอีกรอบหนึ่งในยุคนี้ เราอาจจะลืมไปเลยว่าศักดิ์ศรีของเราเริ่มต้นมาจากไหน


ครับ เผด็จการอาจจะมีประโยชน์อยู่บ้างก็ตรงที่ทำให้เรารักและหวงแหนประชาธิปไตยมากขึ้นนี่แหละ แต่ ๒๔ มิถุนา ต้องให้เกิดประโยชน์มากกว่านั้น เราต้องถือเอาวันนี้เป็นโอกาสให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยกับสาธารณชนมากๆ กระตุ้นให้คนรุ่นหลังอยากรู้เกี่ยวกับปริศนาของวันที่ ๒๔ มิถุนา โดยเฉพาะคำถามบางข้อที่ฝ่ายตรงข้ามชอบ “ใส่” เอาไว้ในหัวของคนรุ่นหลัง


“การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕
เป็นการชิงสุกก่อนห่ามหรือไม่?

“พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกำลังจะพระราชทานรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่คณะราษฎร์ใจร้อนและชิงยึดอำนาจเสียก่อนใช่หรือไม่?

“เมืองไทยพร้อมแล้วหรือต่อการเป็นประชาธิปไตย” ฯลฯ


เป็นตัวอย่างของคำถามที่มาจากฐานความคิดแบบอำมาตย์และเผด็จการ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำให้คนที่ยังมีจิตใจไม่เป็นไทแก่ตัวอย่างหนักแน่น เกิดสับสนและไขว้เขวตามได้ง่าย ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ยืนยันเพียงพอแล้วครับว่าหากไม่มี ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ป่านนี้เมืองไทยก็ยังเร่อร่าล้าสมัยอยู่อย่างเก่า ประชาธิปไตยไม่มีวันจะมาจากมือของกลุ่มอำนาจเดิมได้เลย

ตราไว้นะครับว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ นั้น อาจจะมีพระราชอัธยาศัยในทางประชาธิปไตยอยู่ และพระราชอำนาจก็มิได้ทำให้ทรงหลงใหลได้ปลื้มจนถึงกับจะทรงยื้อยุดไว้ เพราะการรับราชสมบัติต่อจากพระบรมเชษฐาธิราชคือรัชกาลที่ ๖ ก็มิใช่พระราชประสงค์อยู่แล้วแต่เดิม แต่พระบรมวงศานุวงศ์ส่วนใหญ่และขุนนางในระบอบอำมาตยาธิปไตยในขณะนั้นหรือขณะไหนก็ตาม จะไม่วันยอมพระองค์ท่านในเรื่องนี้เป็นอันขาด แค่ในคณะอภิรัฐมนตรีและองคมนตรีสภา แนวพระราชดำริก็คงจะไม่ผ่านแล้ว อย่าไปเชื่อถือชิ้นงานโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายตรงข้ามกับประชาธิปไตยอีกเลยครับ เขามีหน้าที่อย่างเดียวคือบอกว่าประชาธิปไตยเลวอย่างไรเท่านั้น เราต้องรักษาประชาธิปไตยและสร้างนักรบเพื่อประชาธิปไตยรุ่นใหม่เอาไว้แทนกัน โดยต้องให้เวลากับงานสร้างสรรค์แบบนี้มากๆ ไม่หมดเวลาไปกับการประณามเสนียดของระบอบประชาธิปไตยอย่างกลุ่มข้างถนนหรือพรรคการเมืองที่เป็นข้าทาสของอำมาตยาเสียหมด เลิกสงสัยกันได้แล้วครับ

ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย เมืองไทยจะไม่มีวันโงหัวเป็นประชาธิปไตยแน่หากไม่มีคณะราษฎร์ และไม่มีวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พูดกันเสียให้ชัดตรงนี้และจะได้ฉลองกันให้สมคุณค่าต่อไป.


กาหลิบ

คอลัมน์ : เลือกคบไม่เลือกข้าง


ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ : ๒๔ มิถุนา-ยังไม่จบ

หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ประเทศไทยยังไม่มีวันประชาธิปไตย ประจำชาติ แต่จำเป็นต้องมีนะ!!! เพราะเรามีวันรัธรรมนูน 10 ธ.ค. มีวันชาติ 5 ธ.ค วันครองราช วันสำคัญทางศาสนา ฯลฯแต่ขาดวันประชาธิปไตยของประเทศไทย ทั้งที่ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย มี ก.ม.บังคับให้คนไทย (ประชาชน)ไปเลือกตั้งทุกครั้ง!!! รัฐบาล พรรคการเมือง ฝ่ายค้าน ฝ่ายร่วม-รัฐบาล องค์กรต่างๆ ทั้งเอกชน-รัฐบาล ศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทย ร่วมกับประชาชน ทหาร ตำรวจ ฯลฯ ต้องช่วย และร่วมกันผลัดดันให้ประเทศไทยมีวันประชาธิปไตย ประจำประเทศไทย โดยกำหนดเลือกวันที่ประเทศไทยได้รับประชาธิปไตย มาเป็นสัญลักษ์ เพื่อให้ครบ 5 องค์ประกอบหลักของชาติไทย คือ "ประชาธิปไตย ชาติ ศาสนา มหากษัตรย์ รัฐธรรมนูน"ซึ่งเป็นสัญลักษ์ และบ่อเกิดแห่ง"หลักประกันของสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน"...แล้วนี้!..ถ้าไม่เริ่มกัน!!!..วันนี้ (76 ปี แล้ว!) จะเกิดสมาฉันท์...กันเมื่อไร?!!?....โปรดฟัง...อีกครั้ง!?!...

ป่าสัก อยุธยา
28 มิ.ย. 2551