ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรเลย...ที่วลี ‘คนชั้นล่าง-ไม่มีการศึกษา-อิจฉาคนรวย’ หลุดออกมาจากปากของคนที่มีฐานะเป็น ‘ไฮโซ’ ตามการอุปโลกน์ของสื่อและแวดวงสังคม (1)
เพราะถึงแม้ว่าในทางทฤษฎี ประเทศไทยของเราจะอยู่ภายใต้ ‘ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข’ แต่ในทางปฏิบัติ ‘ระบบอุปถัมภ์’ และการเรียงลำดับขั้นของผู้คนตาม ‘ฐานะสังคม’ หยั่งรากลึกเสียจนใครๆ หลายคนเห็นว่า ‘สิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม’ ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมกับ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
เราจึงยังคงพายเรืออยู่ในอ่างใบเดิมมานานหลายสิบปี เพื่อที่จะรับรู้ว่า คนบางกลุ่ม ได้รับการยอมรับให้มีอำนาจ ‘เหนือกว่า’ คนอีกเป็นจำนวนมากเสมอ
ที่น่าแปลกใจก็คือว่า...ทำไมปฏิกิริยาของสังคมที่ตอบรับกับการหลุดปากเผย ‘ชุดความคิด’ ที่ ‘ไฮโซ’ คนหนึ่ง มีต่อ ‘คนชั้นล่าง’ จึงได้เกรี้ยวกราดและสุดโต่งขนาดนั้น
คอลัมนิสต์จากบางสื่อตั้งฉายา ‘ไฮโซตีนผี’ และ ‘คุณพ่อปากคัน’ ให้กับพ่อลูกตระกูลปัจฉิมสวัสดิ์ ในขณะที่ชาวเน็ตอีกเป็นจำนวนมาก ตั้งคำถามถึงความ ‘สูง-ต่ำ’ ของระดับทางจิตใจ พร้อมกล่าวว่า ‘ศักดิ์ศรีของความเป็นคน’ ไม่ได้วัดกันด้วยชนชั้น, การศึกษา หรือว่าฐานะทางสังคม
การที่คนส่วนใหญ่เป็นเดือดเป็นแค้น เมื่อได้ยินคำว่า ‘คนชั้นล่าง-ไร้การศึกษา’ ซึ่งเป็นเพียง ‘อคติ’ ส่วนบุคคลของนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ เป็นเพราะสังคมของเรา ‘ตื่นตัว’ และ ‘สนับสนุน’ เรื่อง ‘ความเท่าเทียมกัน’ ของบุคคลอย่างนั้นหรือ?
ถ้าคนไทยตื่นตัวเรื่องสิทธิ-เสรีภาพ และความเท่าเทียมกันจริงๆ เราจะหาเหตุผลชุดไหนมาอธิบายเรื่องการต่อต้านชาวบ้านที่มาเคลื่อนไหวเรื่องเขื่อนปากมูลที่ทำเนียบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา?
เพราะอะไรสื่อกระแสหลักจึงลงข่าวการสลายผู้ชุมนุมเขื่อนปากมูลเพียงข่าวเล็กๆ สั้นๆ ราวกับไม่เห็นว่าเรื่องนี้มีความสลักสำคัญ?
เพราะอะไรเจ้าหน้าที่รัฐจึงเอ่ยปากกับผู้ชุมนุมอย่างหน้าตาเฉยว่า “18 ปีสู้กันมายังไม่จบ จะให้จบคืนนี้ได้อย่างไร พรุ่งนี้ มะรืนนี้ยังมี ก็ต้องค่อยๆ คุยกันไป” (2)
เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่ ไม่รู้สึกเดือดร้อน หรือเห็นว่าการกระทำของฝ่ายรัฐเป็น การละเมิด ‘ศักดิ์ศรีความเป็นคน’ ของชาวบ้านปากมูล ที่เรียกร้องให้มีการเปิดเขื่อน เพียงเพื่อพวกเขาจะได้เลี้ยงชีพและดำเนินชีวิตต่อไปตามวิถีดั้งเดิมของตัวเอง...
หรือในกรณีที่คนงานบริษัท ‘ไทยศิลป์อาคเนย์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต’ จำกัด รวมแล้ว 5 พันกว่าคน ถูกเลิกจ้างกะทันหัน จนบรรดาคนงานต้องชุมนุมกันเรียกร้องความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ และหาข้อตกลงร่วมกันจนได้ความว่าจะมีการเปิดโรงงานให้คนงานกลับไปทำงานอีกครั้ง (3)
เพราะอะไรกระแสความเห็นอกเห็นใจหรือการแสดงความคิดเห็นในเหตุการณ์ 2 อย่างหลังถึงได้เงียบงันและแทบจะปราศจาก ‘เสียงตอบรับ’ จากสังคมส่วนใหญ่...
หรือบางทีมันเป็นเพราะว่า...เราขัดแย้งและแตกต่างกันมาตั้งนานแล้ว แต่เรามักปฏิเสธและมองข้ามความจริงที่เป็นอยู่ด้วยการวางเฉยกับสิ่งที่เป็นปัญหาระดับโครงสร้างจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชื่ออย่างไม่เคยตั้งคำถาม เวลาที่สื่อใหญ่ๆ บอกกับเราว่า ‘คนจนที่มาชุมนุมส่วนใหญ่ ถ้าไม่ ‘ถูกหลอก’ ก็มักจะ ‘รับเงินมา’ โดยที่คนเหล่านั้นหาได้มี ‘อุดมการณ์’ หรือ ‘เจตนา’ ที่คิดคำนึงถึงส่วนรวมแต่อย่างใด’
เช่นเดียวกับที่ ‘ชนชั้นกลาง’ บางส่วน ถูกกรอกหูโดยคนบางกลุ่มว่าพวกเขาคือ ‘ผู้มีบุญคุณ’ ต่อชนชั้นล่าง ในฐานะผู้เสียภาษีเพื่อเอาเงินไป ‘ปลดหนี้’ ให้รากหญ้า
บางทีชนชั้นกลางผู้มีบุญคุณอาจลืมไปว่า ผลิตผลที่บริโภคอุปโภคอยู่ทุกวันนี้ มาจากการทำงานของ ‘คนชั้นล่าง’ ที่เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อแลกกับค่าแรงขั้นต่ำ (ที่ไม่ค่อยจะเป็นธรรม) รวมถึงสวัสดิการที่กะพร่องกะแพร่ง เพื่อรองรับความต้องการดื่ม-กิน-ใช้ ของคนทุกชนชั้น...
ภาพของ ‘คนชั้นล่าง’ ที่ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นม็อบปากมูล ม็อบเหมืองแร่โปแตซ ม็อบหินกรูด-บ่อนอก ม็อบไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หรือแม้กระทั่ง ‘ม็อบไข่แม้ว’ ที่บางสื่อตั้งฉายาให้อย่างไม่ต้องคำนึงถึงคำว่าจรรยาบรรณ ถูกฉายให้เห็นเพียงแง่มุมเดียว คือภาพของ ‘คนจน-ไร้การศึกษา’ ที่ไม่เข้าใจเรื่องการพัฒนา ถูกเสี้ยมมาโดยเอ็นจีโอ และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินเพียงจำนวนน้อยนิด หรือไม่ก็ถูก ‘แปะฉลาก’ ว่าพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปากท้องของตัวเอง โดยไม่เคยคิดคำนึงถึง ‘ส่วนรวม’
ตรรกะเดียวที่คนในสังคมกำลังใช้เป็นมาตรวัดการกระทำของ ‘ชาวบ้าน’ ต่างกันกับสิ่งที่นายกัณฑ์เอนกคิดและพูดออกมาดังๆ ตรงไหน?
ในเมื่อทุกวันนี้ ใครหลายคนก็กำลัง ‘ตัดสิน’ คนที่คิดต่างจากเราและบังเอิญมีฐานะทางสังคมต่ำกว่าว่าเป็นผู้ไม่มีการศึกษา และเป็นแค่ ‘เครื่องมือที่ถูกคนบางกลุ่มหลอกใช้’ ไปเรียบร้อยแล้ว
เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นคนที่เท่าเทียม, เรื่องการตัดสินคนจากเหตุผลและการกระทำแทนที่จะวัดกันแค่ฐานะหรือการศึกษา รวมถึงการยืนยันว่าคนที่ขาดโอกาสทางสังคมก็เป็น คนมีความคิด ได้ กลายสภาพไปเป็นเพียงลมปากที่ผ่านเลย...ไม่ค่อยจะเคยเห็นใครหยิบประเด็นเหล่านี้มาใช้เป็นหลักในการถกเถียงกันอย่างมีเหตุผลกับคนที่เห็นต่างสักเท่าไหร่…
ถ้าเราไม่เคยยอมรับหรือมองว่าชาวบ้านที่มาเคลื่อนไหวมีเหตุผลอันชอบธรรม เราจะมีสิทธิ์อะไรไปชี้นิ้วด่า ‘คนรวย’ บางคนที่เผลอแสดงอาการ ‘เหยียดชนชั้น’ ออกอากาศว่าเป็นคนจิตใจต่ำ?
เป็นไปได้ไหมว่า แทนที่จะวุ่นวายกับการประณามคนอื่น...บางทีสังคมของเราน่าจะหันกลับมาตรวจสอบตัวเองบ้าง...
เผื่อว่าเราจะมองเห็นโครงสร้างที่บิดเบี้ยวชัดเจนขึ้น
ตติกานต์ เดชชพงศ
ข้อมูลอ้างอิง:
(1) พ่อหนุ่มเบนซ์ยัวะลูกถูกรุม-ด่าออกทีวี "จะไปเชื่ออะไรกับคนชั้นล่าง" สังคม-เวบรุมประฌาม
(2) เรื่องที่ต้องใช้หัวใจอ่าน: บันทึกผู้สังเกตการณ์ นาทีระทึก ดันชาวบ้านปากมูนพ้นรั้วทำเนียบฯ
(3) พนักงานไทยศิลป์เฮ! บริษัทเปิดทำงานตามปกติ
ที่มา : ประชาไท http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=8842&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
เราขัดแย้งและแตกต่างกัน…มานานแล้ว
ผู้จัดเก็บบทความ เจ้าน้อย ณ สยาม ที่ 10:32 หลังเที่ยง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณสำหรับบทความนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น