วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ย่าเหล ... สุนัขผู้ซื่อสัตย์ หรือ หมาอหังกา ?


หมายเหตุ
จากบันทึกนี้ผู้เขียนได้ออกตัวก่อนแล้วว่าเปน " บันทึกจากคำบอกเล่าของคุณปู่ " ฉะนั้นโดยข้อมูลและรายละเอียดอาจไม่ตรงกับ ขออ้างอิงในหนังสือ ปวศ.ที่เราได้รับรู้กันอยู่นะตอนนี้ ผมเห็นว่าเรื่อง หมาที่แสนสูงศักด์อันเปนที่รักของเจ้าเหนือหัวนี้ มีการพูดคุยและถามถึงกันมาก หากแต่ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนี้กับมีไม่มากนัก เลยทำสำเนามาเก็บไว้อ่านกันเล่นๆ แต่จะว่าไปเรื่องของหมาที่แสนสูงศักด์นี้ก็ยังมีสิ่งที่หน้าคิดอยู่เช่นกัน ?



บันทึกจากคำบอกเล่าของคุณปู่ ...

คุณปู่ของผม เป็นนายทหารเรือ รับราชการในสมัย ในหลวงรัชกาลที่ 6 คุณปู่ได้รับพระกรุณาธิคุณจากเจ้านายพระองค์หนึ่ง ให้เป็นข้ารับใช้ คอยติดตามรับใช้พระองค์ท่าน เจ้านายพระองค์นี้ ปัจจุบันมีชื่อเสียง และมีผู้คนเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก และเป็นดำรงพระยศ เป็นพระอนุชาของ ในหลวงรัชกาลที่ 6 แต่ต่างพระมารดา .. ในบันทึกนี้ จะไม่ขอเอ่ยพระนามท่าน เพราะไม่ต้องการให้ท่านเสื่อมเสีย ตามประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย แต่จะบอกพระประวัติคร่าวๆ บางส่วน เผื่อบางท่านที่พอจะทราบว่าพระองค์ท่านเป็นใคร ....

เมื่อคราวที่ฝรั่งเศษ ยกกองทัพเรือมาปิดอ่าวไทย ยิงถล่มหัวเมืองชายฝั่ง และขับเรือขึ้นมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 รศ.112 .. ในหลวงรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งที่ดำรงพระอิศริยายศ " สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฏราชกุมาร " ได้ทรงเล็งเห็นว่า พระบรมมหาราชวัง อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ฝรั่งเศษสามารถขับเรือมาตั้งกลางลำน้ำ และยิงถล่มได้ง่าย จึงทรงพิจารณา หาชัยภูมิแห่งใหม่ เพื่อเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง เพื่อรองรับในกรณีที่อาจถูกโจมตี เมื่อครั้งที่ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จออกประพาสเมืองนครปฐม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ได้ตามเสด็จด้วย และทรงพอพระราชหฤทัยในชัยภูมิเมืองนครปฐม เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ จึงได้ทรงโปรดให้สร้างพระตำหนักขึ้นชั่วคราวในดงไผ่ จนเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว จึงได้โปรดให้สร้างพระราชวังสนามจันทร์ขั้น และทรงให้พระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่ตั้งกองลูกเสือป่า เพื่อให้ประชาชนพลเรือน สามารถเข้ารับการฝึก เพื่อเป็นกำลังสนับสนุน ในกรณีประเทศชาติมีภัย และเจ้านายของคุณปู่ ได้รับพระราชทานดำรงพระยศเป็น " นายหมู่เอก " ในกองเสือป่า

ในคราวในหลวงรัชกาลที่ 6 เสด็จไปประทับที่พระราชวังสนามจันทร์ เจ้านาย ข้าราชการฝ่ายต่างๆ และข้าหลวง ได้ตามเสด็จด้วย เนื่องจากพระองค์ท่าน ต้องการให้พระราชวังนี้ เป็นเมืองหลวงสำรอง จึงจะทรงออกว่าราชการ ณ ที่พระราชวังแห่งนี้ด้วย เมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมเรือนจำ มีสุนัขตัวหนึ่งเข้ามาพินอบพิเทา เป็นสุนัขพันธุ์ทางหางเป็นพวง สีขาวด่างดำ หูตก :ซึ่งเกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เป็นสุนัขของหลวงชัยอาญา ( โพธิ์ เคหะนันท์ ) ซึ่งเป็นพระธัมรง ( ผู้ควบคุมนักโทษ ) อยู่ในขณะนั้น พระองค์ก็ทรงโปรด จึงได้นำสุนัขตัวนั้นมาเลี้ยงไว้ และทรงตั้งชื่อว่า " ย่าเหล " ซึ่งก็ไม่ผิดแปลกอะไร ที่พระองค์ท่านจะทรงมีสัตว์เลี้ยง และพระองค์ก็ได้นำย่าเหล เข้ามาในพระนครด้วย ...

ย่าเหล เมื่อเข้ามาอยู่ในพระราชวัง ด้วยความที่เป็นสัตว์เดรฉาน ไม่ทราบถึงธรรมเนียมของมนุษย์ รู้แต่ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 6 คือนายของมัน จึงติดตามไปทุกที่ คลอเคลียอยู่ใกล้ตลอดเวลา แม้ในตอนออกว่าราชการ ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจ ที่จะกราบถวายบังคม แล้วมีหมามานั่งมองอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่ากราบในหลวงหรือกราบหมา แม้แต่ในตอนที่ประทับ ย่าเหล ก็เข้าไปด้วย ไปนั่งอยู่บนม้านั่งที่ประทับกับในหลวง ข้าราชการ เสนาอำมาตย์ รู้สึกอึดอัด ที่มีหมานั่งอยู่สูงกว่า แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่ท่านเจ้านายหลายๆพระองค์ ทรงรู้สึกไม่โปรดเอามากๆ เนื่องจาก เจ้านายสมัยก่อนนั้น ท่านจะถือยศถืออย่าง อย่างมาก โดยเฉพาะเจ้านายของคุณปู่ ซึ่งพระองค์ท่านนั้น "เล่นของ" ทรงศึกษาคาถาอาคมจากพระอาจารย์ต่างๆ และทรงสักยันต์เต็มพระวรกาย ท่านไม่โปรดเอามากๆ แต่ก็เก็บความรู้สึกไว้

สายวันหนึ่ง มีเสียงปืน ดังขึ้นในพระตำหนัก ... ทุกคนตกใจเป็นอันมาก เนื่องจากการยิงปืนในเขตพระราชฐานนั้น ต้องโทษตัดหัวสถานเดียว ... และเมื่อทุกคนทราบว่า เสียงปืนนัดนั้น ปลิดชีวิตเจ้าย่าเหล สุนัขตัวโปรดของในหลวงรัชกาลที่ 6 ทุกคนยิ่งตกตะลึงเป็นการใหญ่ ... ใครกันที่บังอาจถึงขนาดนั้น ..... จากการสอบสวน ได้ทราบว่า เจ้านายของคุณปู่ ท่านเสด็จมาที่ตำหนัก ย่าเหล มันรู้แต่ว่านายของมันคือ ในหลวงรัชกาลที่ 6 เมื่อมีคนอื่นที่ไม่ใช่นายของมันเข้ามา มันจึงเห่ากรรโชก

อนิจา.... หมาเดรฉาน เจ้านายสมัยก่อนนั้น แม้แต่คนยืนเสมอ ไม่หมอบลง ยังมีโทษหนักหนา แล้วนี่เป็นหมา ยืนขวางและเห่าใส่ จะตรงเข้ามากัดอีกด้วย เจ้านายของคุณปู่ ท่านเดินหนีออกไปข้างนอกแล้ว ยังตามไปเห่าใส่อีก ท่านจึงบันดาลโทสะเต็มที่ จึงชักปืนยิงใส่เข้าให้ ...

จากกรณีเหตุดังกล่าว .. ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 6 ถึงกับ" ไม่กินเส้น " กับเจ้านายของคุณปู่ในตอนแรก ในหลวงท่านจะทรงเอาโทษตามกฏฆณเฑียรบาล แต่เจ้านายหลายๆ พระองค์ รวมถึงเสนาอำมาตย์ ต่างๆ ทูลคัดค้านไว้เนื่องจาก ผู้คนจะติฉินนินทาเอาว่า เจ้านายเอาโทษกันเพราะหมาตัวเดียว ซึ่งในความจริงแล้ว ท่านเจ้านาย และบรรดาเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย ต่างก็หมั่นใส้เจ้า ย่าเหล กันถ้วนหนาอยู่แล้ว จึงช่วยกันทูลขอ ..

เมื่อในหลวงทรงเอาผิดไม่ได้ จึงประชดโดยการ สร้างอนุสาวรีย์ให้หมา และเขียนคำ เสียดสี จารึกลงไป โดยไม่ระบุชื่อ เขียนแต่ว่าว่าเป็นผู้ที่อิจฉาริษยา ย่าเหล ...( มีมหาดเล็กคนหนึ่ง ซึ่งเคารพเจ้านายของคุณปู่มาก อาสารับว่าเป็นคนยิงเอง ซึ่งบุคคลภายนอก ก็คิดว่าเป็นตามนั้นจริง แต่ในวงในแล้ว ทราบกันดีว่าเป็นคนออกรับแทน)

หลังจากเหตุการณ์ นั้น เป็นชนวนบาดหมาง ระหว่าง ในหลวงรัชกาลที่ 6 กับ เจ้านายของคุณปู่ จนกระทั่งมีข่าวลือว่า เจ้านายของคุณปู่ คิดจะล้มล้างราชบัลลังค์ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ในยุคสมัยที่นักเรียนทหารจากต่างประเทศ เข้ามากุมกำลังเพราะพระองค์ท่านก็เป็น นักเรียนนายเรืออังกฤษ ทำให้ทรงไม่สบายพระทัย และยังมีเรื่องข้าหลวงของพระตำหนัก ชกต่อยกับทหารเรือ ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงเรียก เจ้านายของคุณปู่ ไปต่อว่า ว่าทหารเรือไม่มีวินัย ทำให้เจ้านายของคุณปู่ น้อยพระทัย และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย จึงทูลลาออกจากราชการ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ หลังจากลาออกแล้ว ก็ยังถูกตำรวจติดตามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงกันว่า พระองค์จะก่อการปฏิวัติเพราะพระองค์ท่าน ยังมีข้าราชการจำนวนมาก เคารพนับถืออยู่ ....

จึงทรงเบื่อหน่าย หนีออกไปล่องเรือสำเภา ไปในอ่าวไทย แต่ก็ไปเจอมรสุมประสบเหตุคลื่นลม เกือบจบชีวิตกันทั้งหมด จึงทรงคิดได้ว่า ถ้ามามัวแต่น้อยอกน้อยใจ ก็ไม่บังเกิดผลดีอะไร จึงทรงได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ รักษาคนป่วยโดยไม่แสดงพระองค์ว่าเป็นใคร และรักษาโดยไม่คิดค่าตอบแทน จนได้ชื่อว่าเป็นคุณหมอใจบุญคนหนึ่ง...

หลังจากนั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้เกิดขึ้น มีการสู้รบกันขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทรงทราบว่า ประเทศชาติจะได้เปรียบ เมื่อชาติชนะสงคราม ในตอนแรก ทรงวางประเทศเป็นกลาง และเมื่อทราบว่าฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นฝ่ายได้เปรียบ พระองค์จึงจัดส่งกองทหารอาสา ไปร่วมรบที่ฝรั่งเศส และทรงต้องการขุนพล ที่จะบัญชาการอย่างใกล้ชิด ในส่วนของทหารบกนั้น มีสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิจ เป็นหลักอยู่แล้ว ขาดแต่ทหารเรือ

เจ้านายพระองค์หนึ่ง จึงได้ทูลว่า ในเวลานี้ มีแต่เจ้านายของคุณปู่ พระองค์เดียวเท่านั้น ที่จะเป็นหลักได้ ในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้รับฟังก็นิ่ง แต่ก็ไม่ได้กล่าวคัดค้านอะไร เนื่องจากในเวลานั้น ประเทศชาติกำลังวิกฤต เรื่องส่วนพระองค์ จึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน เมื่อเจ้านายของคุณปู่ กลับเข้ามารับราชการอีกครั้ง ก็เร่งทนุบำรุงกิจการทหารเรือเป็นการใหญ่ แต่เนื่องจากพระวรกายไม่สู้ดีนัก เมื่อเสร็จสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงทูลลาออกจากราชการ เสด็จไปประทับพักผ่อน ยังพระตำหนักชายทะเลต่างจังหวัด จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์


แกะรอยเรื่องจริง ... ให้คิดเล่นๆ ไม่ได้ " ถอดรหัส " หรือ " ย้อนรอย "

ผู้ที่ยิงปืนในพระตำหนัก ซึ่งในสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มีเวรยามทุกจุด มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ทำไมจึงไม่มีคนเห็น หรือจับตัวไม่ได้ ?

ทำไมในหลวงรัชกาลที่ 6 จึงต้องสร้างอนุสาวรีย์ให้หมา ทั้งๆ ที่คนที่รับใช้ใกล้ชิด เช่น พระมเหสี ทั้งสองพระองค์ ยังไม่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้เลย .. ทำไปทำไม .. ?

... ประวัติศาสตร์ ใครเป็นคนเขียน ก็จะให้ฝ่ายตัวเป็นพระเอก แต่ลองมองต่างมุมดูบ้าง บางครั้ง จำเลยอาจจะเป็นพระเอกก็ได้ ...


REAL HISTORY

ที่มา : http://www.geocities.com/net_net001/real/index.html

ไม่มีความคิดเห็น: