วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ก้าวให้พ้นจากความคิดแบบไพร่


สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลใด บุคคลนั้น จะต้องตื่นรู้ หวงแหนและต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ด้วยตนเอง ถ้ามีใครมากระทำละเมิด ล่วงล้ำก้ำเกิน

เช่นเดียวกับ สิทธิ เสรีภาพ ควาเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของกลุ่มชนใด กลุ่มชนนั้น จะต้องตื่นรู้ หวงแหนและต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษา ไว้ด้วยตนเอง ถ้ามีใครมากระทำละเมิด ล่วงล้ำก้ำเกิน

ที่เรียกว่า การตื่นรู้ ก่อนอื่น หมายถึง การต่อสู้กับความคิด ค่านิยมและ วัฒนธรรมที่ชนชั้นปกครองได้มอมเมา ครอบงำอยู่ในหัวของแต่ละคน การต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและ ศักดิ์ศรีความเป็น มนุษย์ของแต่ละคนและแต่ละกลุ่มชนกับกลุ่มผู้ขูดรีด เอาเปรียบและกดขี่ข่มเหง ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ต่อสู้กับมลพิษในหัวของแต่ละคน แต่ละชุมชนเสียก่อน

ด้วยเหตุนี้ การปลดแอกทางสังคม ก่อนอื่นจึงต้อง ปลดแอกทางความคิด ของตนก่อน ซึ่งไม่มีใครทำแทนให้ได้ เป็นเรื่องที่แต่ ละคน แต่ละกลุ่มชน จะต้องทำกันเอง ดังคำเก่าๆที่ว่า "เสรีภาพ จักสมปองต้องต่อสู้"

เช่น ตอนที่มีการประกาศเลิกทาสในสังคมไทย ก็ยังมีทาสจำนวนมาก ที่ยังขอเจ้าทาสว่า ตัวขอเป็นทาสต่อไป ไม่อยากออกไปเป็นไท เพราะคิดว่า อาศัยอยู่กับเจ้าทาส ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร อย่างไรเสียเจ้าทาสก็มีอาหารให้กินแน่นอน ขืนออกไปเป็นไท ตนเองไม่มีทุนรอน ไม่มีความรู้ ไม่เคยทำมาหากินเอง อาจอดตายก็ได้

หรือในสังคมปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ไทย ได้พ้นจากสังคมเจ้า-ไพร่ มาถึง ๗๕ ปีแล้ว ก็ยังมีคนที่ไม่อยากเป็นเสรีชน ไปขออาสาเป็นไพร่ในสังกัดเจ้านายผู้มีอิทธิพล ในสังคมไทย เพื่อขอความปกป้องคุ้มครอง พึ่งพาอาศัยอิทธิพลอำนาจ ของเจ้านาย โดยตนเองจะต้องถวายการรับใช้ ส่งส่วย บรรณาการตอบแทน ในรูปแบบต่างๆ ดังที่นักวิชาการบางคนเรียกว่า ระบบอุปถัมภ์

ยิ่งเจ้านาย มีอิทธิพลอำนาจ มากเพียงใด ก็ยิ่งมีคนไปถวายตัวมากเพียงนั้น ดังนั้น สำหรับ"เจ้าแห่งเจ้า"นั้น กล่าวได้ว่า มีคนเสนอตัวไป ให้เลือกใช้สอยได้อย่างไม่หมดสิ้น ล่าสุดที่มีฝรั่งคนหนึ่งไปศึกษารวบรวมมา ก็บอกว่า เขามีไพร่ในสังกัดของเขา มีถึงประมาณ ๔ ถึง ๕ พันคน

ที่จริงฝรั่งคนนั้น อาจสามารถศึกษารวบรวมได้เพียงเฉพาะส่วนที่เปิดเผย เพราะเรื่องการใช้อิทธิพลอำนาจของพวกเจ้า ส่วนมากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงมักหลบๆ ซ่อนๆ แอบทำกันหลังม่านทั้งนั้น จำนวนไพร่ในสังกัดของเขาจึงอาจมากว่าตัวเลขของฝรั่งคนนั้นเป็นหลายสิบเท่าก็ได้

พวกไพร่เหล่านี้ เชื่ออย่างงมงาย ว่าเจ้านายของพวกเขา มีบุญญาธิการแต่ กำเนิด ฟ้าส่งมาให้เป็นเจ้าคนนายคน บ้างว่า มีดาววาสนาส่องอยู่ที่หน้าผาก การถวายตัว หมอบกราบติดตามรับใช้ มีแต่จะทำให้ตัวเจริญรุ่งเรือง เจ้านายเขาก็มีแต่จะมั่นคงสถาพร ไปชั่วฟ้าดินสลาย เป็นต้น

ปัญหาของกลุ่มชนที่ยากจน เสียเปรียบ เช่น กรรมกร ชาวนา และคนทุกข์ คนยากกลุ่มใดๆ จึงต้องให้พวกเขาลุกขึ้นมาต่อสู้ แก้ปัญหาด้วยตัวของเขาเอง การช่วยเหลือและการให้การศึกษาแนะนำ เป็นเรื่องที่สมควรทำ ในฐานะเป็นพี่น้องร่วมชาติ แต่ต้องไม่ล้ำเส้นไปเป็นการรับเหมาทำแทน

การรับเหมาทำแทน แบบอัศวินม้าขาว ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง ของพวกอภิสิทธิ์ชน

คนทุกข์ คนยาก จะเรียนรู้ด้วยประสพการณ์ของตนเองว่า การเข้าร่วม สนับสนุนกลุ่มเจ้า หรือกลุ่มนายทุนใหญ่ ผลสุดท้าย ตนเองจะได้รับเพียง ประโยชน์ โภคผลเพียงเล็กๆ น้อยๆ และชั่วคราว ตราบใดที่ชนชั้นนำเหล่านั้น ยังใช้ประโยชน์พวกเขา้เป็นหินรองเท้าได้

แต่ในที่สุดแล้ว ชนชั้นนำเหล่านั้น จะไม่แก้ และไม่มีวันแก้ปัญหาทาง โครงสร้างที่เป็นสาเหตุรากฐานของความยากจนทั้งชนชั้นของพวกเขาได้

มีแต่การเข้าร่วมสนับสนุนกลุ่มชนที่ก้าวหน้าที่สุดในสังคมไทย - คนงานปกคอสีขาว (white collar)--ปัญหาลักษณะโครงสร้าง ที่เป็นสาเหตุรากฐานของความยากจนทั้งชนชั้นของพวกเขา จึงจะสามารถ แก้ไขได้อย่างแท้จริง

เขียนโดย ไท เมื่อ 21 สิงหาคม, 2007

ไม่มีความคิดเห็น: