วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

THE QUEEN : เมื่อกำลังใจจากหัวหิน ทำให้ผู้หลงทางหันกลับมาหาพระเจ้า..


ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมเห็นพรรคพวกโดยเฉพาะบอร์ดประชาไท
(ขออภัยที่นินทาข้ามเวบ)ที่ทำท่าหันหลังให้กับพระเจ้าบนสรวงสวรรค์ หรือสาปส่งกันว่า " พระเจ้าตายแล้ว! " หันมาไชโยโห่ฮิ้วกันยกใหญ่
(แม้จะพักเดียวก็เหอะ) เมื่อนายสมัครไปหัวหิน แล้วได้รับกำลังใจกลับมาเพียบ ตามมาด้วยการออกหมายจับสนธิลิ้ม....

เสียง ทรงพระเจริญดังลั่นบอร์ดนั้น ข้ามไปบอร์ดราชดำเนินกันอึกทึกคึกคักอย่างยิ่ง จนทำให้ผมนึกถึงกระทู้"ดูหนังสุดสัปดาห์"อันนี้ที่เคยเขียนไว้ไม่ได้ว่า หรือว่าการหันหลังให้พระเจ้า กับการสาปส่งว่าพระเจ้าตายแล้วนั้น เป็นแค่เพียง"ปรากฏการณ์"ชั่วคราวเท่านั้น

แต่หากเมื่อใดที่พระเจ้าหันมาอยู่ข้างตัวเราเมื่อไหร่ กูก็จะขอไหว้กราบบูชากันต่อไป อันเป็น" ธาตุแท้ "ของพี่ไทยทั้งหลาย


The Queen เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องว่าด้วยพระราชินีอังกฤษ ซึ่งติดอยู่ในจารีตเก่าแก่ กับสาธารณชนชาวอังกฤษที่ต้องการเห็นการปรับตัวของสถาบันให้รู้สึกรู้สากับ "กระแสประชามติของสาธารณชน" ผ่านกรณีความตายของเจ้าหญิงไดอาน่า

หนังบอกว่าการที่พระราชินีไม่ยอมรู้สึกรู้สาอะไรเลยต่อประชามติของสาธารณชนนั้น ทำให้ความนิยมต่อสถาบันลดลงวูบวาบ และกว่า1ใน4ที่ต้องการอยากให้ยกเลิกสถาบันเก่าแก่นี้ แต่เคราะห์ดีว่าพระราชินี
"ยอมงอ"หันมาเล่นบทที่เอาใจสาธารณชน ก็เลยทำให้ความตึงเครียดลดวูบลงไป

ตอนหนึ่งหนังให้สำนักข่าวต่างประเทศอย่างCNNรายงานว่า
"สถาบันกษัตริย์กับสาธารณชนชาวอังกฤษเปรียบไปก็เป็นเหมือนผัวเมียหรือลิ้นกับฟันนั่นแหละ ช่วงที่ผ่านมาราว1สัปดาห์ก็ดูเหมือนจะระหองระแหงกันไปพอสมควร ตอนนี้ทั้ง2ฝ่ายก็หันมาดู๋ดี๋กันต่อไป เหมือนว่าไม่เคยบาดหมางกันเลย"


เรื่องย่อ-มรณกรรมที่ปัจจุบันทันด่วนของเจ้าหญิงไดอาน่า สร้างความตกตลึงให้กับคนทั่วโลก สาธารณชนชาวอังกฤษพากันโศรกเศร้าและต่างพร้อมใจกันไว้อาลัย ขณะที่พระราชินีอลิซาเบ็ธที่2และพระราชวงศ์ชั้นสูง(ยกเว้นเจ้าฟ้าชายชาร์ส์)ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรไปด้วย พระสวามีของพระนางเจ้าอยู่หัวทรงบ่นว่า ตอนที่ยังอยู่ ไดอาน่าก็สร้างความยุ่งยากให้พออยู่แล้ว ตอนตายก็ยังจะมาสร้างความวุ่นวายอะไรให้อีก

พระนางเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าอดีตสะใภ้หลวง ได้ทรงหย่าขาดจากพระราชโอรสแล้ว และไม่ใช่สมาชิกพระราชวงศ์ ดังนั้นการจัดการงานพระศพของไดอาน่า หรือเรื่องใดๆที่เกี่ยวข้องกับมรณกรรมของเจ้าหญิงก็ย่อมไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับพระราชวงศ์ แต่เป็นเรื่องที่ตระกูลสเปนเซ่อร์ของไดอาน่าจะจัดการกันเองเป็นการภายใน

อย่างไรก็ตามฟ้าชายชาร์ลส์ติงว่า ถึงอย่างไรไดอาน่าก็เป็นพระมารดาของวิลเลี่ยมกับแฮร์รี่ หลานของพระราชินี จึงขอนำเครื่องบินหลวงไปรับพระศพกลับจากปารีส ซึ่ง Queen บอกว่าก็ได้ แต่แค่นั้นนะ จะไม่ใช่การพระราชพิธีใดๆ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระราชวงศ์ และไม่เกี่ยวกับอังกฤษด้วย

ระหว่างรับพระศพกลับถึงสนามบินในลอนดอน โทนี่ แบลร์ ผู้นำพรรคแรงงานที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งแบบฟ้าถล่มได้ไม่กี่เดือนก่อนมรณกรรมของไดอาน่าได้ไปรับพระศพด้วย ชาร์ลสส่ายหน้ากล่าวกับแบลร์ว่า พระราชมารดาของพระองค์ยังติดอยู่ในจารีตอันเก่าแก่ แม้ว่าอังกฤษจำเป็นต้องปรับตัวก้าวสู่ยุคใหม่ และควรต้องมี"กรณีพิเศษ"บ้างเพื่อเอาใจสาธารณชน

แบลร์ นักการเมืองหนุ่มที่แม้จะมาจากปีกฝ่ายซ้าย รีบแถลงต่อสื่อมวลชนว่ารัฐบาลของเขารู้สึกโศรกเศร้าต่อมรณกรรมของเจ้าหญิง"ของปวงชน"ที่ด่วนจากไป และสร้างความโศรกเศร้าไม่เพียงแต่อังกฤษ แต่ทั่วทั้งโลก ขณะที่คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯสรรเสริญว่า เจ้าหญิงมีบทบาทระดับสากลในการช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก ทั้งผู้ติดเชื้อเอดส์ ทั้งประชาชนที่ประสบภัยจากการวางกับระเบิดในหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก จึงเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่

พระราชสวามีของ Queen ได้แนะนำให้ Queen นำหลานๆคือวิลเลี่ยมกับแฮร์รี่ไปพักผ่อนที่พระราชอุทยานส่วนพระองค์ที่ห่างจากมหานครลอนดอนออกไป พวกเขาเชื่อว่าไม่เกิน48ชั่วโมง การโหมประโคมของสื่อต่อการจากไปของเจ้าหญิงจะยุติลง และชาวอังกฤษก็จะพากันกลับสู่สภาวะปกติ ส่วนหลานของพวกเขาเมื่อได้เข้าป่าล่ากวางซะบ้างก็คงจะลืมความเศร้าโศรกนี้ลง

การณ์เป็นไปในทางตรงกันข้าม สาธารณชนชาวอังกฤษกลับแห่ไปที่พระราชวังบักกิ้งแฮมเพื่อวางดอกไม้ไว้อาลัยชนิดที่กองกันเป็นภูเขาเลากา แล้วสื่อก็รายงานว่าบรรดาพสกนิกรชาวอังกฤษได้หันเหความเกลียดชังต่อ"ปาปาราซซี่"ที่ทำให้เจ้าหญิงตายมาสู Queen และพระราชวงศ์แทน

สื่อมวลชนทั้งเครือข่ายเนตเวิร์คยักษ์ใหญ่อย่าง BBC CNN และสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์อังกฤษทุกฉบับรายงานข่าวโจมตีพระราชินีและพระราชวงศ์ว่าช่างเฉยชาใจจืดใจดำเหลือใจ ไม่มีดอกไม้เคารพศพ,ไม่มีการลดธงลงครึ่งเสาเหนือพระราชวังบักกิ้งแฮม,ไม่มีคำประกาศไว้อาลัย ไม่มีอะไรซักอย่าง...

พระราชินียังยืนกรานที่จะไม่โอนอ่อนตามความเรียกร้องของพสกนิกร พระราชชนนี(Queen Mom)บอกว่า พระราชประเพณีและจารีตอันเก่าแก่ของพระราชวงศ์ที่มั่นคงในพระราชบัลลังก์อังกฤษร่วมพันปีเป็นมาอย่างนั้น และจะต้องเป็นไปอย่างนั้น ไม่มีข้อยกเว้นให้ใคร รวมทั้งไดอาน่า

ระหว่างพระราชสวามีพาหลานๆออกล่ากวางเพื่อให้ลืมๆเรื่องนี้ไปซะ พระราชินีขับรถออกไปเที่ยวในพระราชอุทยานเป็นการส่วนพระองค์เพียงลำพัง และรถเสียกลางน้ำ ระหว่างนั่งรอราชองครักษ์ตามมาช่วย พระองค์เหลือบเห็นกวางหลงฝูงหากินหญ้าอย่างโดดเดี่ยว และพบในเวลาต่อมาว่า มันถูกชาวไร่ใกล้กับพระราชอุทยานนั้นสังหาร และตัดหัวไปซะแล้ว

แบลร์ไม่ได้ฉวยโอกาสตักตวงความนิยมไปเพียงลำพัง หรือถือโอกาสกระทืบซ้ำพระราชวงศ์ที่กำลังตกต่ำจากการก่นประณามของพกนิกร เขาได้ถวายรายงานพระราชินีไปว่า สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวชาวอังกฤษที่โกรธแค้นว่าต้องการให้ราชินีทำดังนี้

1. ต้องลดธงครึ่งเสาเหนือพระราชวังบั๊กกิ่งแฮม
2. พระราชินีต้องเสด็จกลับจากการไปประพาสมาสู่บักกิ้งแฮมเพื่อร่วมรับความโศรกเศร้ากับพสกนิกร
3. พระราชินีต้องเสด็จไปวางดอกไม้คำนับศพหน้าวัง
4. พระราชินีต้องมีการประกาศคำอาลัย

เพราะเวลานี้โพลล์สำรวจสาธารณชนชาวอังกฤษถึง 1 ใน 4
ที่อยากจะต้องการให้ยกเลิกพระราชวงศ์ไปเสีย

สุดท้ายพระราชินีก็จำต้องยอมรับมติมหาชนทั้ง4เรื่องดังกล่าว และดูเหมือนความระหองระแหงของพระราชวงศ์กับพสกนิกรชาวอังกฤษก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

แต่ที่ไม่เหมือนเดิม เหมือนกับพันปีที่ผ่านๆมาอีกแล้วก็คือ พระราชินีและพระราชวงศ์จำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับมติมหาชน ไม่เช่นนั้นชะตากรรมก็อาจจบลงแบบกวางในพระราชอุทยาน


ความระหองระแหงระหว่างพระเจ้า กับฝ่ายที่นิยมประชาธิปไตย เสรีประชาธิปไตย รวมทั้งฝ่ายที่รักอดีตนายกฯทักษิณในช่วง3ปีที่ผ่านมานี้ ดูจะพัฒนาไปในทางแย่ลงเรื่อยๆ ก็มีให้ได้เฮกันหน่อยนึงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่แหละนะฮะ เสียงทรงพระเจริญเลยดังกันสนั่น แต่ดังไม่ทันข้ามวันมั๊ง หลังสนธิลิ้มถูกประกันตัวออกมารวดเร็ว

แล้วสนธิลิ้มก็นำเปล่งเสียงทรงพระเจริญๆๆลั่นสะพานมัฆวาน ก็ทำให้ความเงียบเหงาเศร้าซึม เซ็งสัดๆกลับมาสู่ฝ่ายนิยมประชาธิปไตย โดยเฉพาะปีกที่รักทักษิณกันอีกรอบ

หากควีนอะลิซาเบ็ธต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พระองค์จะเล่นบทไหนดี เพราะประเทศไทยก็ดันไม่มีผู้ช่วยนางเอกแบบโทนีแบลร์ในหนังซะด้วยดิ


กิ๊กผม..เธอเป็นยอดมนุษย์


ที่มา : เว็บบอร์ด "ฟ้าเดียวกัน" : THE QUEEN(กระทู้ดูหนังสุดสัปดาห์), เมื่อกำลังใจจากหัวหิน ทำให้ผู้หลงทางหันกลับมาหาพระเจ้า..

หมายเหตุ
การเน้นข้อความ(บางส่วน)ทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เป็นอะไรเหรอ.. ชอบพูดถึงแต่สถาบันกษัตริย์
แล้วก็เชื่อมโยงเอาเองมั่วๆ ซั่วๆ

อย่างงี้นะ ไม่โรคจิต ก็เป็นพวกเก็บกด
หรือเอ๊ะ.. เป็นสมุนไอ้ทักษิณ
ว่าแต่.. ได้ค่าจ้างมาเท่าไหร่ล่ะ
ถ้าได้มาเยอะ ก็รีบกินรีบใช้ให้สบายเลยนะ
เพราะคงสบายได้แค่ชาตินี้เท่านั้นแหละ
ชาติหน้าระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คนเราไม่เหมือนกันจริงๆ โดยเฉพาะความคิดความเห็นที่แตกต่างกัน บางคนเกิดมาก็ชอบที่จะอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของคนอื่น ยอมเป็นทาสรับใช้ตั้งแต่ต้นตระกูล มาไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย ถึงขนาดสั่งเสียให้รับใช้ต่อไปถึงลูกถึงหลาน โดยเฉพาะครอบครัวบางคนที่ติดยึดกับสังคมโบราณ ถือเป็นเรื่องที่ดีของครอบครัวตนเอง จึงทำให้ไม่รู้จักคำว่าเสรีภาพ และความเท่าเทียมกันทางสังคม ในขณะที่บางคนก็รักเสรีภาพ ไม่อยู่ภายใต้เทพสมมุติ ถ้าเราลองได้คิดแบบคนที่ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้ดี มองทุกแง่มุม อะไรเป็นเหตุที่สังคมได้เปลี่ยนแปลงไป การเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของสังคม มาจากการเรียนรู้ การได้รับการศึกษาของคนในชาติ เทียบเท่ากับอารยะของสังคมโลก มีเหตุอันเป็นฉนวนในหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถยอมรับกันได้ เพราะการริดรอนสิทธิเสรีภาพ การจำกัดสิทธิ การมุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน คนที่เชื่อว่าเทพสมมุติยังคงเป็นเทพอวตาลมาเกิด มีอิทฤธิ์ อภินิหาร มีบุญญาธิการ ก็เพราะอาจจะไม่ได้รับการศึกษาที่ถูกต้อง หรือได้รับอธิพลผ่านทางสายเลือด ตลอดจนกระทั่งสิ่งมอมเมา หรือการโฆษณาชวนเชื่อ อันเป็นสิ่งเชื่อได้ว่าเทพอวตาลนั้นมีจริง ทั้งที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่าเรื่องเล่านี้ เป็นเพียงกุศโลบาย เป็นตำนาน เป็นเรื่องเล่าขาน ปราศจากความจริงที่พิสูจน์ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่คนก็ยังเชื่อว่าเทพสมมุติมีจริง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเอเชียจึงพัฒนาการช้ากว่าคนแถบยุโรป อดีตคนยุโรปก็มีความเชื่อ แต่ความเชื่อของคนยุโรป ถูกหักล้างด้วยเหตุและผล และความเจริญทางความรู้ ความคิด เปลี่ยนผ่านระบบความคิดได้เร็ว กว่าคนเอเชีย ปี 90 สังคมจีนแผ่นดินใหญ่ที่ถือว่าเป็น สังคมหนึ่งที่โลกจับตาได้พัฒนาเปลี่ยนผ่านทางความคิดเกี่ยวกับเทพสมมุติ ที่ไม่มีอยู่จริงในโลก ปัจจุบันไม่มีเทพสมมุติดังกล่าว ประชาชนก็อยู่ได้ บางประเทศกลับเจริญรุ่งเรืองกว่าที่มีเทพสมมุติเสียอีก การแสดงความคิดเห็นบนความเป็นจริงคงไม่ผิด และไม่แปลกอะไร สมมติว่าใครบางคนนับถือใครอยู่ เมื่อไปถามเขาว่านับถือทำไม คำตอบก็คือ เขาเป็นคนดีของเรา เราเชื่อเราศัรทธา เรานับถือ แต่ถ้าเกลียดชังกันละ ก็คงเป็นคนเลวในสายตา อย่างนั้นใช่หรือไม่ ข้อพิสูจน์ว่าใครดี ใครชั่ว ใครเลว ใครเห็นแก่ตัว เป็นเรื่องที่ต้องหาเหตุผล มาหักล้างกัน ไม่ใช่หน้ามืดตามั่ว ไม่มองว่าใครมีคุณงามความดีเพื่อบ้านเพื่อเมือง ไม่แยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่เครารพกติกาบ้านเมือง ไม่ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมของคนในชาติ ต่อให้เป็นเทพอวตาลมาจุติเกิด หรือเป็นสมุนโจรปฏิวัติ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นคนหนักชาติหนักแผ่นดิน...