โดยส่วนตัว ผมไม่มีความเห็นไปทางใดทางหนึ่งว่า ควรมีการตั้งบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายหรือไม่ (ประมาณว่า ‘ตั้งก็ได้ ไม่ตั้งก็ได้’) แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยคือ การอภิปรายเรื่องนี้ในลักษณะที่อิงเรื่อง “ศีลธรรม” เชิงศาสนา (‘วาทกรรมอบายมุข’)
ผมเห็นว่า การอภิปรายทางการเมืองควรหลีกเลี่ยงการอภิปรายในเชิงศีลธรรมทางศาสนา เพราะก่อนอื่น ศาสนาควรเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล คือ แต่ละคนควรมี ‘สิทธิ’ ของการตีความและเข้าถึงคำสอนทางศาสนาในแบบของตัวเอง ไม่ใช่ในแบบที่ถูกกำหนดจากรัฐหรือศาสนจักร
ที่สำคัญ ในความเป็นจริง หากจะใช้บรรทัดฐานทางศาสนามาตัดสินเรื่องการจัดการทางการเมืองสมัยใหม่แล้ว ไม่เพียงแต่เรื่องคาสิโน แต่อีกสารพัดเรื่อง ตั้งแต่สลากกินแบ่ง ไปถึงเหล้า หรือ ถุงยางอนามัย ล้วนต้องยกเลิกโดยสิ้นเชิงหรือจำกัดอย่างรุนแรง ซึ่งไม่มีใครคิดว่า สามารถทำได้ในสังคมสมัยใหม่ การอภิปรายโดยอิงอยู่กับประเด็นศีลธรรมเชิงศาสนาจึงมีแต่ลงเอยที่การ ปากว่าตาขยิบ ไม่คงเส้นคงวา ในหลายๆ ด้านเท่านั้น
ในที่นี้ ผมเพียงอยาก ‘เล่าเรื่อง’ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับประเด็นคาสิโน ซึ่งผมเชื่อว่า มีน้อยคนจะรู้ในปัจจุบัน นั่นคือ การทดลองตั้ง “สถานกาซิโน” (สะกดตามยุคสมัยนั้น) ของปรีดี พนมยงค์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในปี 2482
นอกจากความน่าสนใจที่เกี่ยวกับกรณีถกเถียงเรื่องกาสิโนในปัจจุบันแล้ว ผมจงใจยกกรณีนี้ขึ้นมา ก็เพราะผู้ทดลองก่อตั้ง “สถานกาซิโน” ในครั้งนั้นคือ “รัฐบุรุษอาวุโส” ปรีดี ซึ่งคนจำนวนมากมองในฐานะเป็นแม่แบบของศีลธรรมและวีรบุรุษแบบพุทธ แน่นอน การที่ปรีดีสนับสนุนการตั้งกาสิโน ไม่ได้แปลว่า การกระทำนั้นต้องถูกโดยอัตโนมัติ เพราะไม่ว่าใคร ก็ทำผิดได้ รวมทั้งปรีดี แต่อย่างน้อยเรื่องนี้น่าจะเตือนให้ผู้ที่อภิปรายปัญหาการตั้งคาสิโน โดยอ้างอิงแต่เรื่องศีลธรรมเชิงศาสนา (‘วาทกรรมอบายมุข’) ได้ฉุกคิด มองปัญหานี้ (หรือมองตัวปรีดีเอง) อย่างมีลักษณะเป็น ‘ทางโลกย์’ (secular) มากขึ้น
เดือนธันวาคม 2481 หลังการเลือกตั้งทั่วไป พระยาพหลพลหยุหเสนา ซึ่งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2476 ได้ตัดสินใจวางมือ ไม่รับตำแหน่งอีก รัฐบาลที่ตั้งใหม่จึงนำโดยนายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ ถือเป็นคณะรัฐมนตรีชุด ‘คณะราษฎร’ โดยแท้จริงเป็นครั้งแรก คือ ประกอบด้วย ‘ผู้ก่อการ’ ชุดเริ่มต้นที่ริเริ่มการปฏิวัติ 24 มิถุนา ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนยุโรป ไม่ต้องมีการเชิญให้ ผู้ก่อการอาวุโสทีเข้าร่วมขบวนปฏิวัติทีหลัง หรืออดีตขุนนางผู้ใหญ่ในระบอบเก่ามาร่วมในตำแหน่งสำคัญๆ อีก (ยกเว้นกรณีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ซี่งก็เป็น รมต.ต่างประเทศเพียงครี่งปีเศษ) ซึ่งต่างจากหลังการปฏิวัติใหม่ๆ หรือแม้แต่ในสมัยรัฐบาลพระยาพหล คณะรัฐมนตรีชุดนี้ยังอาจจัดได้ว่าเป็นคณะรัฐมนตรีที่ ‘หนุ่ม’ ที่สุดในประวัติศาสตร์ (หลวงพิบูลอายุ 41 ปรีดี 38 หลวงสินธุ 37 หลวงอดุล 44 ควง 36 ดิเรก 33 เป็นต้น) หลวงพิบูลนอกจากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังเป็น รมต.กลาโหม ขณะที่ปรีดี รับตำแหน่ง รมต.คลัง
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกสุด ได้มีการพิจารณานโยบายที่จะแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ปรีดีในฐานะรัฐมนตรีคลัง ได้เสนอนโยบายการคลังหลัก 2 ประการคือ จัดระบบภาษีให้มีความยุติธรรม และ จัดให้มีเครดิตหมุนเวียนในประเทศดีขึ้น หัวใจของนโยบายแรกคือ ยกเลิกเงินรัชชูปการที่เป็นภาษีสำคัญในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช หัวใจของนโยบายหลังคือจัดตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (รายงานการประชุมครม.ครั้งพิเศษที่ ๑/๒๔๘๑ ตอนที่ ๒ วันเสาร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๘๑)
ในระหว่างการอภิปรายใน ครม. ปรีดีกล่าวว่า “เลิกรัชชูปการนั้นไม่มีปัญหา ปัญหาที่เถียงกันอยู่นี้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาชดเชย” รัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้ช่วยกันเสนอรายได้ทางอื่น เช่น ขึ้นภาษีสินค้าขาเข้า จังกอบการศึกษา ภาษีมหรศพ ค่าธรรมเนียมต่างด้าวเข้าเมือง เป็นต้น ที่สำคัญสำหรับเรื่องของเราคือข้อเสนอเรื่องภาษีพะนันและ casino ของขุนสมาหารหิตะคดี และควง อภัยวงศ์ และความเห็นของปรีดี ต่อไปนี้ (ข้อความในวงเล็บเหลี่ยมเป็นของผม เพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน)
ขุนสมาหารหิตะคดี : ปัญหาอยู่ในเรื่องการหาเงินชดเชย ข้าพเจ้ามีความเห็นอยู่อย่างหนึ่ง แต่เชื่อว่า นายพันตำรวจเอก หลวงอดุลเดชจรัสจะไม่ชอบ เป็นปัญหาที่ง่าย หลักแรกคือจะควรมีการพะนันหรือไม่ เราไม่เลิกการพะนัน แต่เหตุไรไม่เอาผลจากการพะนัน วิธีของข้าพเจ้าเอาเงิน[พะนัน]จากคนจีน กล่าวคือ อนุญาตให้เล่นการพะนันแถวชายแดน และอนุญาตเฉพาะชาวต่างประเทศ ถ้าใครเล่นการพะนันโดยมิได้รับอนุญาตจะลงโทษจำคุกทีเดียว ทั้งนี้จะมีผู้เห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่จะพิจารณา
หลวงประดิษฐมนูธรรม : เรื่องเกี่ยวกับการพะนันนี้ เจ้าพระยายมราช [อดีตเสนาบดีคลังสมัยก่อน 2475] เคยเล่าให้ฟังว่า ได้เอาตัวเลขโพยก๊วนมาตรวจดู เมื่อครั้งมีบ่อน เงินส่งไปเมืองจีนน้อย ครั้นเลิกบ่อนแล้วเงินส่งไปเมืองจีนมาก [คือปรีดีเสนอว่า เมื่ออนุญาตให้มีการพะนัน เงินคนจีนก็ไม่รั่วไหลกลับประเทศจีน แต่อยู่ในสยามเอง]
หลวงโกวิทอภัยวงศ์ : ข้าพเจ้าเห็นว่าควรตั้ง casino ตามชายแดนทีเดียว
หลวงประดิษฐมนูธรรม : เมื่อเลิกรัชชูปการก็มีปัญหาในเรื่องหาเงินชดเชย เราจะหาภาษีทางอ้อมบ้าง หาจาก[ค่าธรรมเนียมเข้าประเทศของ]คนต่างด้าวบ้าง หาจากจังกอบการศึกษาบ้าง ส่วนความเห็นที่ขุนสมาหารหิตะคดีเสนอ ข้าพเจ้าก็ไม่คัดค้าน แต่ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยดูก่อน
อีก 2 เดือนต่อมา ในที่ประชุม ครม.วันที่ 3 มีนาคม 2481 (ปฏิทินเก่า) ปรีดีได้นำเสนอเอกสาร 8 หน้า “บันทึกเรื่องการปรับปรุงภาษีอากร” กำหนดกรอบการยกเลิกรัชชูปการและอากรค่านา ซึ่งจะทำให้รัฐบาลรายได้ลดลงปีละกว่า 12 ล้านบาท (รัชชูปการ 6.8 ล้าน อากรค่านา 5.4 ล้าน และมีภาษีอากรย่อยอื่นๆที่เลิกอีก) และวิธีที่จะหารายได้จากทางอื่นมาชดเชย รวมทั้งเสนอให้ทำ “ประมวลรัษฎากร” (Revenue Code) ขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย ในบรรดามาตรการหารายได้ทางอื่นมาชดเชย คือการตั้ง “สถานกาซิโน” ของรัฐบาล โดยจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ปรีดีอธิบายว่า
ภายในสถานกาซิโนนี้ ผู้ที่จะเข้าไปได้จะต้องเสียค่าธรรมเนียม วันหนึ่งคนละ 20 บาท ถ้าเป็นคนต่างด้าว คนหนึ่งวันละ 2 บาท[ถ้าเป็นคนสยาม] สถานกาซิโนจะตั้งที่หัวหิน ลพบุรี พิษณุโลก หนองคาย เบตง และจะได้เปิดฉะเพาะฤดูเทศกาลมีงาน
หลวงอดุลเดชจรัส ได้กล่าวเสริมว่า “พระราชกฤษฎีกานี้อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ถ้าจะตั้งสถานกาซิโนที่ใด ขอได้ปรึกษากระทรวงมหาดไทยด้วย เพราะเกี่ยวกับกำลังตำรวจ” ซึ่งปรีดีก็รับว่า “จะตั้งที่ไหนจะได้ปรึกษากับกรมตำรวจ” (รายงานการประชุมครม. ครั้งที่ ๑๖/๒๔๘๑ ตอนที่ ๒ วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๔๘๑)
ต้นเดือนพฤษภาคม 2482 กระทรวงการคลังของปรีดีได้ทดลองเปิด “สถานกาซิโน” ของรัฐบาลขึ้นจริงๆ เป็นเวลา 2 วันที่หัวหิน แต่ไม่ได้ผลเต็มที่ ปรีดีจึงนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 15 พฤษภาคม เพื่อให้มีแก้กฏกระทรวงที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่ พร้อมกับเสนอสถานที่เปิดกาซิโนของรัฐบาลเพิ่มเติมรวม 11 แห่ง
ในที่ประชุม ก่อนอื่น ดิเรก ชัยนาม ในฐานะเลขาธิการครม.ได้เป็นผู้นำเสนอหนังสือชี้แจงของรัฐมนตรีคลัง (ปรีดี) ดังนี้ (รายงานการประชุมครม. ครั้งที่ ๕/๒๔๘๒ วันจันทร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๘๒)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีถึงการหารายได้มาชดเชยภาษีอากรที่ได้ยกเลิกนั้น มีอยู่รายการหนึ่งคือสถานกาซิโนของรัฐบาล ซึ่งได้กำหนดไว้ว่าควรจะมีรายได้ปีหนึ่งราว ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณซึ่งได้ประกาศใช้แล้วนั้นก็ได้อาศัยการคำนวนตามนี้ด้วย แม้ว่าสถานกาซิโนของรัฐบาลจะเป็นสถานการพะนัน แต่ก็ได้ระมัดระวังมิให้ผู้ซึ่งมีรายได้น้อยเข้ามาในสถานที่นี้ เว้นแต่คนต่างด้าว และเมื่อพูดกันถึงความจริงแล้ว จำนวนผู้ที่ลักลอบเล่นการพะนันมีอยู่มากมาย แม้แต่การเล่นไพ่ ...... กระทรวงการคลังได้ทดลองเปิดสถานกาซิโนของรัฐบาล ณ กิ่งอำเภอหัวหิน อำเภอปรานบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๓-๔ พฤษภาคมนี้ และรู้สึกว่าการทีได้ทดลองกระทำนั้นยังไม่ได้ผลสมความมุ่งหมายเต็มที่ ทั้งนี้ก็เพราะกฎกระทรวง ประกาศ และ ระเบียบการ ซึ่งได้กระทำไปนั้นยังไม่บริบูรณ์ สมควรที่จะได้แก้ไขเสียใหม่ ......
อนึ่ง สถานที่ซึ่งกระทรวงการคลังเห็นว่าควรจะเปิดต่อไปนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เคยปรึกษาหารืออธิบดีกรมตำรวจเป็นส่วนตัวว่า ควรที่จะจัดให้มีดังต่อไปนี้ (๑) หัวหิน (๒) เชียงรายหรือเชียงแสน (๓) หนองคาย (๔) นครพนม (๕) มุกดาหาร (๖) อุบลราชธานี (๗) คลองใหญ่หรือตราด (๘) สงขลาหรือหาดใหญ่ (๙) ภูเก็ด (๑๐) เบตง และ (๑๑) สุไหงโกล๊ก
หลังจากนั้น ปรีดีได้กล่าวเสริมด้วยตัวเองว่า
สถานกาซิโนนั้น ได้ทดลองเปิดดูแล้ว ผลที่ได้ไม่เต็มที่ บางคนยังมีความกระดากอยู่ เท่าที่ได้ทำไปแล้ว ทำไปในแง่กฎหมายมากเกินไป ข้าพเจ้าเห็นว่าเรื่องนี้ไหนๆก็ได้เสนอรัฐบาลมาแล้ว จึ่งเห็นว่า ควรแก้ไขเสียใหม่ดั่งที่เสนอมา
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้อภิปรายเรื่องนี้ ซึ่งผมขอคัดลอกเนื้อหาตามรายงานการประชุมมาให้ดู ดังนี้
นายพลตรี หลวงพิบูลสงคราม : ข้าพเจ้าไม่ขัดข้องประการใด แต่ที่หัวหินไม่อยากให้มีสถานกาซิโน เพราะเกรงว่าคนจะไม่ไปเที่ยวหัวหิน โดยเกรงว่าจะถูกหาว่าไปสถานกาซิโน
หลวงประดิษฐมนูธรรม : ที่หัวหินนั้น ต้องการทำเป็น week-end โดยจัดให้มีรถพิเศษ
นายตั้ว ลพานุกรม : ตั้งที่หัวหิน ไม่ได้ผล ตอนท้ายคนจะกลัวไม่ไปหัวหิน ส่วนคนที่สมัครเล่น ก็เล่นที่บ้านพักเสียมากกว่า
นาวาเอก หลวงสินธุสงครามชัย : เรื่องนี้ยังใหม่อยู่ ควรลองดูสัก ๑ ปี
พันตำรวจเอก หลวงอดุลเดชจรัส : ตามที่กระทรวงการคลังเสนอมา สถานที่ตั้งเป็นชายแดนทั้งนั้น เว้นแต่หัวหิน ถ้าถือว่าเป็นการทดลอง จะใช้ที่หัวหินไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงใจข้าพเจ้า ไม่อยากให้มีสถานกาซิดนในภาคกลาง
นายพันเอก หลวงพรหมโยธี : ถ้าจะบอกว่าเป็นโรงบ่อน ก็ควรทำเป็นรูปโรงบ่อน การไปตั้งเก็บค่าผ่านประตู เกรงว่าจะไม่มีใครเข้าไป เพราะตามชายแดนของเขาเปิดให้เล่นฟรี
หลวงประดิษฐมนูธรรม : ค่าผ่านประตูสำหรับคนไทย เป็นจริงอย่างนายพันเอกหลวงพรหมโยธี กล่าว แต่เรื่องนี้ เราประสงค์จะล่อคนต่างด้าว
นายพันเอก หลวงพรหมโยธี : ควรมีสถานคาซีโน อย่างสถานคาซีโนชายทะเล
หลวงวิจิตรวาทการ : ความคิดอย่างนายพันเอกหลวงพรหมโยธี ว่าถูกแล้ว ควรทำเป็นสถานคาซีโนอย่างแท้จริง แต่จะต้องใช้เงินมาก ในชั้นนี้ ควรจะทำดั่งนี้ (๑) คนที่จะเข้าไปในสถานคาซีโน (ก) เข้าไปดู ควรเก็บ ๑ บาท (ข) เข้าไปเล่น ควรเก็บ ๑๐ บาท คนที่เข้าไปดู เกิดกระหายจะเล่น ก็ไปซื้อตั๋วเข้าเล่นได้ (๒) ชะนิดของการเล่น ควรแบ่งออกเป็น ๒ อย่าง (ก) การเล่นที่ต้องมีเจ้ามือ (ข) การเล่นที่คนเล่นๆกันเอง เราจัดโต๊ะไว้ให้ แล้วเก็บเงินค่าโต๊ะ คนไปเล่นจะเล่นอะไรก็ได้ เช่น บริดจ์ ไพ่ตอง โป๊กเกอร์
นายพลตรี หลวงพิบูลสงคราม : เรื่องนี้ได้ทำมาแล้ว ก็ต้องทำต่อไป แต่ขอให้ออกไปชายแดน เพื่อจะได้ ไม่มีใครว่า
นายพันเอก หลวงเสรีเริงฤทธิ์ : ถ้าตั้งที่หาดใหญ่แล้ว ที่หัวหินก็ไม่จำเป็น
หลวงประดิษฐมนูธรรม : เมื่อรู้ความประสงค์อย่างนี้แล้ว ก็จะได้ไปทำมาใหม่ ส่วนที่หัวหินนั้น จะได้ปรึกษาอธิบดีกรมรถไฟดูก่อน
นายพลตรี หลวงพิบูลสงคราม : ขอให้เริ่มทางใต้ก่อน
หลวงประดิษฐมนูธรรม : ข้าพเจ้าขอรับไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อน นโยบายจะดำเนินทางใต้ก่อน และจะได้แก้พระราชกฤษฎีกาให้งดงาม ไม่ต้องออกกฏกระทรวงกันบ่อยๆ
ที่ประชุมตกลง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับเรื่องนี้ไปพิจารณาอีกครั้งหนี่ง
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ผมไม่พบว่ามีการนำเรื่องสถานกาซิโน ขึ้นพิจารณาอีก (ต้องสารภาพว่าผมเองไม่ได้ค้นคว้าเรื่องนี้เป็นหลัก เป็นเพียงอ่านพบโดยบังเอิญจากการค้นคว้าเรื่องอื่นเท่านั้น อาจจะมองข้ามตกหล่น) เรื่องอื่นๆ อาจจะมีความสำคัญมากกว่าจนเรื่องนี้ถูกพักไปเลยก็ได้ เพราะอีกเพียงเดือนเดียว รัฐบาลภายใต้หลวงพิบูล ก็จะเปิดฉากรณรงค์ครั้งใหญ่ที่จะทำให้มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ในฐานะรัฐบาล “ชาตินิยม” เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนวันชาติเป็น 24 มิถุนายน เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ประเทศไทย รณรงค์เรื่อง “รัฐนิยม” ไปจนถึงการเรียกร้องดินแดนจากอินโดจีนในปีต่อมา เป็นต้น สงครามโลกก็จะเกิดขึ้นในยุโรปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า .....
สิ่งที่ผมอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับปัจจุบัน จากการเล่าเรื่องการพยายามตั้งสถานกาซิโน ของปรีดี พนมยงค์ ข้างต้นคือ การอภิปรายเรื่องควรเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายหรือไม่ (กิจกรรมแบบ ‘กาสิโน’ ที่ผิดกฎหมายมีอยู่แล้วโดยทั่วไปดังที่ทราบกันดี ทั้งในรูปบ่อนไพ่ แทงบอล ฯลฯ) ควรหลีกเลี่ยงลักษณะ ‘ศีลธรรมจัด’ แบบกระต่ายตื่นตูม ราวกับว่า ถ้าให้เปิดแล้ว จะ “เป็นการเปิดอบายปิดฟ้าต่ำช้าใจเมือง หมายถึง เมื่อเมืองมีแต่อบายมุขบ้านเมืองก็จะต่ำช้ำลง” หรือเป็นการที่รัฐบาลใช้ “อำนาจเข้ามาปู้ยี่ปู้ยำประเทศ” ถึงขั้นนั้นเลยทีเดียว! (คำของรสนา โตสิตระกูล)
คนที่มีลักษณะ ‘ศีลธรรมจัด’ แบบกระต่ายตื่นตูมเช่นนี้ โดยมากมักจะเพราะความหลงตัวเองว่า ตัวเองมี ‘ศีลธรรม’ เหนือกว่าคนอื่นๆ ถ้าคนอื่นๆ มีวิธีตีความหรือจัดการกับเรื่องเชิงศาสนาหรือเชิงศีลธรรมทีต่างออกไปแล้ว โลกก็จะถึงกาลวิบัติในไม่กี่วันข้างหน้า
ในความเป็นจริง คนที่คิดในลักษณะนี้ มักจะลงเอยที่เป็นคนไม่คงเส้นคงวา ใช้ 2 หรือ 3 หรือ 4 บรรทัดฐาน คือกับนักการเมืองที่ตัวเองไม่ชอบ จะทำตัวเป็น ‘พ่อแม่’ สั่งสอน ‘ลูกชายเกเร’ (คำของรสนาอีก)
แต่กับผู้มีอำนาจบางคนที่ใช้อำนาจในทางผิด ‘ศีลธรรม’ เป็นเวลานานแล้ว ก็จะทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย เพราะไม่มีปัญญาหรือความกล้าจะทำอะไรได้ เช่นเดียวกับเรื่อง ‘อบายมุข’ ต่างๆ ตั้งแต่ ล็อตเตอรี่ เหล้า พนัน ไปถึง อุตสาหกรรมเซ็กส์ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่พอมีข้อเสนออย่างเปิดคาสิโนถูกกฎหมายขึ้นมา (ซึ่งอันที่จริง ในด้านที่สำคัญ เป็นเพียงการทำสิ่งที่มีอยู่แล้วแบบผิดกฎหมาย ให้ถูกกฎหมายขึ้นมา) ก็จะถือเป็นเรื่องทำให้ ‘บ้านเมืองต่ำช้าลง’ ทันที
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หมายเหตุ: บทความนี้เผยแพร่พร้อมกัน ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14-20 มี.ค. 51
ที่มา : ประชาไท : บทความ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล : เมื่อ ปรีดี พนมยงค์ ตั้ง ‘สถานกาซิโน’
วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551
เมื่อ ปรีดี พนมยงค์ ตั้ง ‘สถานกาซิโน’
ผู้จัดเก็บบทความ เจ้าน้อย ณ สยาม ที่ 8:06 หลังเที่ยง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น