วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2551

โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก


ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ ในการย้อนรอยกลับมาของ ทรราช ด้วยการกวาดล้างที่รุนแรง ต่อผู้ที่ขวางทางอำนาจ อย่างโหดร้ายทารุณเสมอนอกเหนือจากนักการเมืองฝั่งตรงข้ามกันแล้ว ขบวนการประชาชนประชาธิปไตย ก็เป็นเป้าหมายหลักที่ต้อง ถูกทำลายให้สิ้น หมดเสี้ยนหนาม และไร้พิษสง

2 ปีหลังความกระหยิ่มในชัยชนะของนิสิตนักศึกษาประชาชน เป็นบทเรียนที่ต้องนำมาย้อนทบทวนบาดแผลความผิดพลาดหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมา พัฒนาการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบเสแสร้ง กลับเติบใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วทุกระบบ ในทางเดียวกันกลับสวนทาง กับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ด้วยการประนีประนอมเพื่อถ่วงเวลา เสวยอำนาจครอบงำอย่างช้าช้า โดยไม่ทันให้สังเกต....


เลี้ยงไม่ให้ผอมโซ

แต่ก็จำกัดไว้ไม่ให้โตอ้วน


พลวัตร ของขบวนการประชาธิปไตยเติบใหญ่เคลื่อนไหวมากเท่าไรพัฒนาการของ ทรราชอมาตยา ก็แนบเนียน ยิ่งยิ่งขึ้น

ต่างพวกต่างเหล่าก็ปรับปรุงตัว จากข้อผิดพลาดของตนแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเป้าหมาย การช่วงชิงอำนาจไว้ในกำมืออย่างยาวนานที่สุด


โอกาสนี้ รอบ 100 ปี มีแค่ครั้งเดียว เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ถ้าแพ้อีกครั้ง ก็ดิ้นรนหาหนทางรอดตัวใครตัวมันเถิด แล้ว
อย่าลืมบอกลากันด้วย เพราะนี่คือเดิมพันครั้งสุดท้าย
ของกลุ่มพลังรากหญ้าที่สะสมความพ่ายแพ้มาโดยตลอด
อย่างยาวนาน


โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก หมายความว่า จะคิดกำจัดศัตรู ปราบพวกคนพาลให้หมดสิ้นทีเดียวแล้ว ก็ต้องปราบให้เรียบอย่าให้พรรคพวกของมันเหลือไว้เลยแม้แต่คนเดียว .มิฉะนั้นพวกที่เหลือนี้จะกลับฟื้นฟูกำลังขึ้นมาเป็นศัตรูกับเราภายหน้าได้อีก

ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นหาประโยชน์ไม่่ จะเป็นเสี้ยนหนามไปภายหน้า ใช้ตลอดถึงการทำลายล้างคนพาลสันดานโกงต่างๆ

มันฝังรากลึกในสังคมไทย ถ้าไม่ถอนรากถอนโคน
ก็คงต้องทนให้หนามมันทิ่มตำต่อไป


"
อีกาคาบข่าว เจ้าฟ้าเหม็นเป็นขบถ

สำนวนการสอบสวนนั้นไม่สามารถชี้มูลความผิดไปที่เจ้าฟ้าเหม็นได้ทั้งหมด แต่ก็จำเป็นต้องประหาร ด้วยเป็นคดีความใหญ่จึงมีรับสั่งโปรดเกล้าฯ ว่า


“ อ้ายเมืองให้การถึงหม่อมเหม็นทั้งนี้ยังเลื่อนลอยอยู่เห็นหาจริงไม่ แต่ทะว่าเป็นความแผ่นดิน จึงให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยตริตรองชำระเอาความจริง "


เจ้าฟ้าเหม็นทรงถูกถอดยศเป็น "หม่อมเหม็น" นำไปสำเร็จโทษที่วัดปทุมคงคา ส่วนพระโอรส ๖ พระองค์ของเจ้าฟ้าเหม็นก็ต้องโทษ
"ตัดหวายอย่า่ไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก"

คือ

หม่อมเจ้าชายใหญ่
หม่อมเจ้าชายสุวรรณ
หม่อมเจ้าชายหนูเผือก
หม่อมเจ้าชายสวัสดิ์
หม่อมเจ้าชายเล็ก
และ หม่อมเจ้าชายแดง

ทรงถูกนำไป "ถ่วงน้ำ" ที่ปากอ่าว

อย่างไรก็ดี คดีกบฏเจ้าฟ้าเหม็นนี้ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังมากกว่าที่ปรากฏตามหลักฐาน มีมูลเหตุหลายประการ ประกอบกับมีความไม่สมเหตุสมผลในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะกรณีผู้ก่อการทั้งหมด ล้วนแต่เป็น "ข้าหลวงเดิม" ของรัชกาลที่ ๑ จึงขัดแย้งกับหลักฐานที่ว่า เหตุใดกลุ่มกบฏจึงคิดยกเอาเจ้าฟ้าเหม็นเป็นกษัตริย์ ทั้งที่ "ข้าหลวงเดิม" เหล่านี้ คือผู้ร่วมก่อการเมื่อครั้งโค่นบัลลังก์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทั้งสิ้น

ปัจฉิมลิขิต บทความนี้เป็นคัดลอกเอกสารประวัติศาสตร์เชิงวิชาการ ผู้นำเสนอไม่มีความเห็น ในทางข้อเท็จจริง เพียงแต่ยกเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวเนื่องกับ "ตัดหวายอย่า่ไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก" ขึ้นเป็นกรณีศึกษา "


โดย : rungsira ( รุ่งศิิลา )

ที่มา :http://www.prachatai.com/webboard2/viewtopic.php?f=3&t=4215

ไม่มีความคิดเห็น: