วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เกิดความสงสัย ใคร่ถามผู้รู้ว่าสมมติฐานผมถูกหรือไม่??? : กรณีสื่อกับการ Propaganda



" เกิดโกลาหลหน้าโรงแรมโอเรียนเต็ลวันก่อน เมื่อแขกโรงแรมหุ่น
“อาแปะ” กลับลงมาจากงานแต่งงาน ก็ให้พนักงานไปเอารถที่ใช้ บริการ VALET PARKING มา พอได้กุญแจ และให้ลูกเมียขึ้นนั่งรถแวนเรียบร้อย อาแปะ ก็ขับออกไป แต่ยังไงไม่รู้ รถพุ่งชนเบนซ์รุ่นใหม่เอี่ยม ที่จอดอยู่ตรงเกาะกลางเต็มรัก ทำให้รถกระเด้งไปกระแทกรถบีเอ็มฯซีรีส์ 7 อีก 2 คันเสียหายไปด้วย อาแปะ ตกใจมาก รีบเข้าเกียร์ใหม่ คราวนี้ถอยหลังเต็มที่ จึงไปชนรถลีมูซีนของโรงแรมอีก 2 คัน และแรงกระแทกทำให้ไปเสยกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่จนแตก เศษกระเบื้องหนาหนัก หล่นโครมมาบนฝากระโปรงรถอีก 2 คัน คันนึงเป็นพอร์ซ สรุปว่ามีรถเสียหายจากผลงานการขับของ อาแปะ ไป 7 คันรวด!

“เจ้าของรถ” (เบนซ์ และ บีเอ็ม) จึงเรียก อาแปะ ไปเจรจา ถามว่าขับยังไงถึงได้ชนขนาดนั้น อาแปะ ตัวสั่นงันงก อธิบายตะกุกตะกักว่า “ไปงาง แต่งงางลูกเพื่อง เพื่องมังเอาเอาเบียร์ให้กิงแก้วนึง แล้วก้อเอาวิก-สะ กี้ให้ กิงอีกแก้วนึง ไวน์อีก 2 แก้ว กิงไป 4 แก้ว ขามังเก็งค้างกาทันหัน
(ขาเกร็งค้างกะทันหัน) เลยเหยียบคังเร่งแรงไป”

“เจ้าของรถ” ถามว่า แล้วจะคิดค่าเสียหายยังไง คราวนี้ อาแปะ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องไฟฟ้าเล็กๆ แถวอุรุพงษ์ หน้าจ๋อย บอกว่า “ก็ต้องขายของ ขายบ้าง (ขายบ้าน) เอาเงิงมาใช้ ผิกก็ต้องยอมรับผิก” “เจ้าของรถ” จึงให้ อาแปะ ไปดูสภาพรถที่เสียหาย เพื่อให้รู้ว่า “เจ้าของรถ” รักรถและดูแลรถดีเยี่ยมแค่ไหน อาแปะ และลูกเมีย เดินดูรถไปหน้าซีดไป เพราะเสียหายมาก พอดูรถแล้ว “เจ้าของรถ” ก็เรียกมาคุยอีก โดยบอกว่า ความเสียหายในส่วนนี้จะยกโทษให้ เพราะเห็นว่าไม่ได้ร่ำรวยอะไร หากต้องรับผิดชอบค่าซ่อม ครอบครัวคงจะเดือดร้อนหนัก แล้วบอกกับลูกๆอาแปะว่า ไม่ควรให้พ่อขับรถอีก เพราะอายุ 71 แล้ว ลูกหลานควรจะขับให้ เพราะถ้าไปชนกลางถนนหลวงอาจจะมีคนเจ็บคนตาย

อาแปะและลูกเมีย ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ก้มกราบพระบาท “เจ้าของรถ” ด้วยสำนึกในพระเมตตาธิคุณของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อย่างล้นพ้นและจดจำไปจนชั่วชีวิต ที่พระราชทานอภัย ทั้งที่ อาแปะ “เมาแล้วขับ” จนชนรถ ร.ย.ล. ซึ่งจอดรอ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์ เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และรถอื่นๆ เสียหายไปประมาณ 2 ล้านบาท!!

ตอน อาแปะ กราบบังคมทูลลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทาน สติกเกอร์ ให้ 1 แผ่น รับสั่งให้เอาไว้ติดรถ เพื่อเตือนสติ--เป็นสติกเกอร์ เมาไม่ขับ!! "


จาก
คอลัม : ของว่างวันอาทิตย์ [4 พ.ค. 51 - 14:45]


ด้วยความสงสัยส่วนตัวนะครับ

รถพุ่งชนเบนซ์รุ่นใหม่เอี่ยม ที่จอดอยู่ตรงเกาะกลางรถจอดอยู่เกาะกลาง ???? หมายความว่า รถไม่ได้จอด ณ ที่จอดรถเอาล่ะในกรณีนี้ถือว่าไม่แปลกเพราะเป็นรถของคนสำคัญ

ทำให้รถกระเด้งไปกระแทกรถบีเอ็มฯซีรีส์ 7 อีก 2 คันเสียหายไปด้วย แสดงว่ารถกระแทกโดยแรงจึงทำให้กระดอนไปแรง แต่โดนรถซีรีย์เจ็ด สองคัน จอดอยู่ในลักษณะใด สมมติว่า รถทั้งสามคันจอดอยู่ในลักษณะ เรียงกัน สามคัน ซึ่งเป็นไปได้มากที่สุด ที่ รถยนต์คันแรก จะโดนชน และกระเด็นไป ชนรถที่อยู่ใกล้ แล้ว รถที่อยู่ใกล้ ก็กระเด็นไปชนรถอีกคัน

ดูจากสภาพรถด้านบน น่าจะโดนชน ที่ด้านท้าย ซีกขวา ไม่ใช่โดน ชนด้านหลังเต็มๆ เอาล่ะ การที่รถจะไหล ไปชนได้ถึงขนาดนั้นมีอยู่สองอย่าง คือ

1. รถที่วิ่งมาวิ่งมาด้วยความเร็วสูง (ตามหลักการชนและโมเมนตัม ม.สี่) แต่ความขัดแย้งอยู่ตรงที่ รถพึ่งออกจากที่จอดรถ และอยู่ในที่คนพลุกพล่าน และโดยส่วนตัวผมไม่เคยเห็น คนแก่ คนไหนขับรถเร็ว ยิ่งตอนออกจากที่จอดรถแล้วด้วย
(แต่อาจจะเป็นไปได้ ถ้า แกมีแอลกอฮอล์ ในร่างกาย)

2. รถที่จอดอยู่ในที่ ลาดเอียง ซึ่งทำให้ ผลของ แรงชน บวกกับ mg sin(เซต้า) ทำให้รถเกิดการไหล ไปชนคันข้างหน้า แต่ ข้อขัดแย้งคือ ที่จอดรถโดยเฉพาะสำหรับบุคคลสำคัญ รถที่จะจอดอยู่ด้านหน้านั้นควรจอดห่างจาก รถบุคลสำคัญหรือไม่ และรถสามคันควรจะจอดห่างในระยะสักกี่เมตร มันน่าจะห่างพอสมควร นะ

อาแปะตกใจมาก รีบเข้าเกียร์ใหม่ คราวนี้ถอยหลังเต็มที่ จึงไปชนรถลีมูซีนของโรงแรมอีก 2 คัน

ถอยหลัง ชน ลีมูซีน สองคัน ??? รถลีมูซีนจอดอยู่ในลักษณะใด ถึงเสียหายถึงสองคัน ถ้าชนด้านหน้า แล้ว รถถอยหลังไป ก็เป็นไปได้ ใช้คำว่าชน หรือคำว่า เฉี่ยว จะถูกต้องมากกว่า ?? เพราะ ลักษณะ คือการเสียหายถึงสองคัน เป็นไปได้ยากมากส่วนที่เหลือ ผมไม่ขอกล่าวถึง เพราะ นึกภาพตามไม่ออก


ข้อสังเกต คือ

ที่จอดรถ และ เส้นทางเดินรถ ของโรงแรมนี้ ไม่น่าจะดีนัก เนื่องจาก

1. รถ คนสำคัญจอดอยู่ แต่ในขณะที่สามารถให้รถอื่นวิ่งผ่านได้
(เพราะแน่นอนที่สุด รถ ของคนสำคัญจะต้อง มีที่จอดที่สำคัญที่สุด)

2. เมื่อมีบุคคลสำคัญเดินทางมา ในขณะที่เส้นทางการเดินรถ ไม่กว้างนัก (ในกรณีที่ผมตั้งสมมติฐาน) ทำไมไม่มี รปภ. มาอำนวยความสะดวก


ข้อสรุป

บางทีสิ่งที่สื่อนำเสนอ อาจจะเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเรื่องจริงไม่หมด
(ผมไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง ) แต่ การนำเสนอข่าวแนวนี้ ทำให้เห็นว่า เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงใหญ่หลวง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ก็ได้ เนื่องจาก รูปที่นำมาประกอบก็มีเพียง ความเสียหายเพียงคันเดียว

และสื่ออื่นๆ ก็มิได้นำเสนอ ข่าวนี้ ทำให้ ผมไม่อาจจะแน่ใจได้ว่า ความน่าเชื่อถือของข่าวนี้(หมายถึงความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุ) มีมากเพียงใด ???และข้อสงสัย อีกอันนึง ซึ่งหมิ่นเหม่ คือ ทำไมรถคนสำคัญ จึง สามารถจอดในทางที่ รถ อื่นๆ ต้องใช้เส้นทางในการเดินรถ

วานผู้ที่เคยไปโรงแรมนั้นช่วย บอกผมหน่อยครับ ว่า จริงๆแล้ว ผมคิดผิด หรือว่า ผมคิดถูก หรือว่า คิดถูกแต่ไม่หมด ?????


มุกกะไบ

ที่มา : บอร์ดประชาไท : ห้องรักประชาธิปไตย... : อ่านจอ เลยเกิดความสงสัย ใคร่ถามผู้รู้ว่าสมมติฐานผมถูกหรือไม่???

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณว่า "ผมว่าไม่สามารถเถียงได้เลยว่า คำตอบคืออย่างหลัง คือ เงินบริจาคเหล่านั้น "ทรงได้มาในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์" "

แต่ผมว่า "ผมว่าไม่สามารถเถียงได้เลยว่าคำตอบของคุณนี่ มันเหมามั่วมา จริงๆ "