ข้าพเจ้า จำได้ว่าพบคุณชูเชื้อ สิงหเสนี ครั้งแรกในห้องพิจารณาคดีที่ศาลอาญาเมื่อ พ.ศ.2491 ในการพิจารณาคดีสวรรคตสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลซึ่งคุณชิต สิงหเสนี เป็นมหาดเล็กห้องพระบรรทม ในหลวงรัชกาลที่ 8
คุณชิต สามีคุณชูเชื้อ ตกเป็นผู้ต้องหาปลงพระชนม์ร่วมกับคุณเฉลียว ปทุมรสอดีตราชเลขานุการในพระองค์ฯ และคุณบุศย์ ปัทมศริน หมาดเล็กห้องพระบรรทม
ข้าพเจ้า นั่งแถวหน้าบัลลังก์พิจารณาคดี สังเกตุเห็นผู้ต้องหาทั้งสามอยู่ในความสงบ สุขุม และไม่ประหวั่นพรั่นพรึงเพราะเชื่อในความบริสุทธิ์ของตน เชื่อในความยุติธรรมของศาลทั้งๆที่อัยการฝ่ายโจทก์ สร้างหลักฐานเท็จ ใส่ร้ายกล่าวโทษ
การพิจารณาคดีสวรรคต ได้ยืดเยื้อมาอีกหลายปีในช่วงนั้นข้าพเจ้าเองก็ถูกมรสุมการเมืองรุมกระหน่ำ ถูกจับกุมในคดี"กบฏสันติภาพ" ด้วยข้อกล่าวหา "กบฏภายใน และภายนอกราชอาณาจักร"เมื่ได้รับอิสรภาพหลังจากถูกคุมขังเป็นเวลา 84 วันแล้วข้าพเจ้าก็ได้เดทางไปต่างประเทศเพื่อร่วมทุกข์ และเป็นกำลังใจให้นายปรีดีพนมยงค์ สามีของข้าพเจ้า ซึ่งลี้ภัยการเมืองในประเทศจีน
นายปรีดี กับข้าพเจ้า ติดตามข่าวการพิจารณาคดีสวรรคตอยู่เสมอนายปรีดีเชื่อในความบริสุทธิ์ของคุณเฉลียว คุณชิต และคุณบุศย์เช่นเดียวกับเชื่อในความบริสุทธิ์ของตน ที่มิได้มีส่วนพัวพันในคดีสวรรคตส่งใจช่วย และภาวนาขอให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งสาม ได้รับอิสรภาพโดยเร็ววัน
แต่แล้วเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2497 ศาลฏีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน ซึ่งต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497จำเลยทั้งสาม ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษแต่ฏีกาได้ตกไปในที่สุด
นายปรีดี กับข้าพเจ้าตกใจยิ่งกับข่าวการประหารชีวิตของผู้บริสุทธิ์ทั้งสาม ในเช้ามืดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498
นายปรีดี กับข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวเหยื่อความอยุติธรรมทั้งสาม ที่ประสพความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงและขาดเสาหลักของครอบครัว
คุณชูเชื้อ สิงหเสนี เป็นภรรยาที่เข้มแข็ง เป็นกำลังใจให้สามีในขณะถูกจองจำเป็นเวลากว่า 7 ปี เป็นมารดาที่ประเสริฐ แบกรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในการดูแลลูกๆทั้ง 6 คน
หลังจากที่ข้าพเจ้ากลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้วทุกวันขึ้นปีใหม่ข้าพเจ้าจะมีกระถางกล้วยไม้ ประดับข้างบันไดขึ้นบ้านซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่จากคุณชูเชื้อ นำความชื่นใจมาสู่ข้าพเจ้าและผู้พบเห็น
2-3 ปีมานี้ ข้าพเจ้าไม่ได้พบคุณชูเชื้อทราบว่าสุขภาพของเธอไม่ค่อยแข็งแรงนักและแล้วคุณชูเชื้อก็ได้ลาจากโลกนี้ไป ตามกฏวัฏสังขาร ยังความเสียใจสู่ลูกหลาน และญาติมิตร
ขอให้กรรมดีนานาประการจงนำคุณชูเชื้อ สิงหเสนี ไปสู่สุขคติในสัมปรายภพทุกเมื่อเทอญ
ข้าพเจ้า เชื่อกฏแห่งกรรมในพุทธศาสนา บรรดาผู้ที่สร้างหลักฐานเท็จพยานเท็จ ในกรณีสวรรคต มาบัดนี้ ลูกหลาน ของเขาต้องรับกรรม และชดใช้กรรมรวมทั้งกรรมใหม่ที่ก่อขึ้นเอง ต่างกรรม ต่างวาระดังนั้นจึงเป็นที่สังวรแก่ทุกผู้ ทุกคนว่า จงทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วทำความดีผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม และความถูกต้อง
สัจจะ เป็นอมตะ
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
ประวัติศาสตร์ ย่อมให้ความกระจ่างในที่สุด
(ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์)
9 มกราคม 2549
จากหนังสืองานศพคุณ ชูเชื้อ (วลี) สิงหเสนี
ภรรยาคุณชิต สิงหเสนี หนึ่งในสามผู้ต้องหา คดีลอบปลงพระชนม์ ร. 8
โดย : mims
ที่มา : เว็บบอร์ด "ประชาไท" : คำไว้อาลัยของท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์
หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ
วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
คำไว้อาลัยของ "คุณพูนศุข พนมยงค์" : ระลึกถึง คุณชูเชื้อ (วลี) สิงหเสนี
ผู้จัดเก็บบทความ เจ้าน้อย ณ สยาม ที่ 8:47 หลังเที่ยง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น