วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม


"Je ne suis pas d’accord avec ce que vous dites, mais je me
battrai jusqu’à la mort pour que vous ayez le droit de le dire"

"ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับที่ท่านพูด
แต่ข้าพเจ้าจะต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้ท่านได้มีสิทธิพูด"


ประโยคนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ๑๙๐๖ ในงานภาษาอังกฤษชื่อ
"The Friends of Voltaire" ของ Evelyn Beatrice Hall เธอสันนิษฐานว่าวอลแตร์เป็นผู้กล่าว แต่จากการสำรวจหลักฐานทุกชิ้นแล้ว ไม่ปรากฏว่าวอลแตร์กล่าวไว้จริงหรือไม่ ในงานชิ้นใด

อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่า ประโยคนี้เป็นความคิดของวอลแตร์ ซึ่งคนรุ่นหลังๆสรุปเอาจากบทบาทของวอลแตร์ในช่วงที่เขาเข้าไปมีบทบาทต่อสู้ รณรงค์ให้ปล่อยผู้ต้องหาในหลายๆคดี เพราะกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น

...............


เสรีภาพในความรัก

เชื่อว่าทุกคนคงเคยรักใครบางคน

เช่นกันทุกคนคงเคยไม่รัก
เฉยๆแบบไม่รักไม่เกลียด หรือถึงขนาดเกลียดใครบางคน

ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ เรื่องของรสนิยม บางครั้ง
หากเอา “มาตรวัด” ทางศีลธรรมมาจับก็คงไม่เหมาะ

การชี้นิ้วว่าเอ็งเป็นคนเลว เพราะเอ็งไม่รักคนคนเดียวกับข้า

การเหมารวมเอาว่าการที่เขาไม่รักใครบางคน
ย่อมเป็นตัวชี้วัดว่าเขาเป็นคนเลว

คนคนหนึ่งที่ปล้น ฆ่า ข่มขืน อาจกลายเป็นคนดีในชั่วข้ามคืนด้วยเหตุเพียงว่า เขาประกาศตนว่ารักคนคนเดียวกับที่คนส่วนมากเขารักกัน

ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเป็นการล้ำพรมแดนเสรีภาพแห่งความรัก

ความเห็นบางความเห็นอาจไม่เข้ากันกับรสนิยมกระแสหลักของคนจำนวนมาก แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องปิดกั้นไม่ให้เขาเหล่านั้นได้แสดงออก

การประกาศตนว่ารักใครสักคนสามารถทำได้อย่างองอาจ

และในบางกรณีการประกาศตนเช่นว่านั้น ยังอาจส่งผลกระตุ้นอะดรีนาลีนในร่างกายให้หลั่งออกมาจนสร้างความปีติสุขให้แก่ตนเองได้อีกด้วย

แล้วเหตุใดการบอกว่าไม่รักหรือรู้สึกเฉยๆ จึงต้องถูกคุกคามจากอำนาจ – ทั้งตามกฎหมายและนอกกฎหมาย - ด้วยเล่า

การรักหรือไม่รักใครสักคนย่อมเกิดจากมโนธรรมสำนึกส่วนตน
หาเกิดจากการบังคับไม่จะให้ทำเช่นไร

หากมโนธรรมสำนึกของเขาบอกเขาว่า เขารักและเทิดทูนคนคนหนึ่ง หรือพระเจ้าในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนคนเดียวกันกับคนที่คนส่วนใหญ่รักและเทิดทูน

หรือ หากมโนธรรมสำนึกของเขาบอกว่า
เขารู้สึกเฉยๆกับคนที่คนส่วนใหญ่รัก

เขาจะโดนคุกคามจากภัยใดหรือไม่

วันหนึ่ง
เราอาจเห็นคนรุมกระทืบคนที่ไม่รักคนคนหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เขารักกัน

ร้ายแรงกว่านั้น เราอาจเห็นการฆาตกรรมหมู่กลางมหานคร ด้วยมูลเหตุเพียงว่า เหยื่อพวกนี้ไม่มีรสนิยมแบบที่คนส่วนมากเขามี

มีแต่สังคมป่าเถื่อนและไร้อารยะเท่านั้น
ที่ไม่เปิดพื้นที่ให้ความคิด ความเชื่อ หรือรสนิยมที่แตกต่าง

ฤาสังคมแห่งนี้ แม้เพียงเสรีภาพในความรัก ก็มิอาจหยิบยื่นให้แก่กันได้

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกคุกคามอย่างมากพอแล้ว
แล้วนี่จะไม่เหลือพื้นที่ให้เสรีภาพในความรักบ้างเลยหรือ


Etat de droit

วันศุกร์, เมษายน 25, 2008

ที่มา : Etat de droit : ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม

หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยผู้จัดเก็บบทความ

ไม่มีความคิดเห็น: