"Je ne suis pas d’accord avec ce que vous dites, mais je me
battrai jusqu’à la mort pour que vous ayez le droit de le dire"
"ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับที่ท่านพูด
แต่ข้าพเจ้าจะต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้ท่านได้มีสิทธิพูด"
ประโยคนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ๑๙๐๖ ในงานภาษาอังกฤษชื่อ
"The Friends of Voltaire" ของ Evelyn Beatrice Hall เธอสันนิษฐานว่าวอลแตร์เป็นผู้กล่าว แต่จากการสำรวจหลักฐานทุกชิ้นแล้ว ไม่ปรากฏว่าวอลแตร์กล่าวไว้จริงหรือไม่ ในงานชิ้นใด
อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่า ประโยคนี้เป็นความคิดของวอลแตร์ ซึ่งคนรุ่นหลังๆสรุปเอาจากบทบาทของวอลแตร์ในช่วงที่เขาเข้าไปมีบทบาทต่อสู้ รณรงค์ให้ปล่อยผู้ต้องหาในหลายๆคดี เพราะกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น
...............
เสรีภาพในความรัก
เชื่อว่าทุกคนคงเคยรักใครบางคน
เช่นกันทุกคนคงเคยไม่รัก
เฉยๆแบบไม่รักไม่เกลียด หรือถึงขนาดเกลียดใครบางคน
ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ เรื่องของรสนิยม บางครั้ง
หากเอา “มาตรวัด” ทางศีลธรรมมาจับก็คงไม่เหมาะ
การชี้นิ้วว่าเอ็งเป็นคนเลว เพราะเอ็งไม่รักคนคนเดียวกับข้า
การเหมารวมเอาว่าการที่เขาไม่รักใครบางคน
ย่อมเป็นตัวชี้วัดว่าเขาเป็นคนเลว
คนคนหนึ่งที่ปล้น ฆ่า ข่มขืน อาจกลายเป็นคนดีในชั่วข้ามคืนด้วยเหตุเพียงว่า เขาประกาศตนว่ารักคนคนเดียวกับที่คนส่วนมากเขารักกัน
ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเป็นการล้ำพรมแดนเสรีภาพแห่งความรัก
ความเห็นบางความเห็นอาจไม่เข้ากันกับรสนิยมกระแสหลักของคนจำนวนมาก แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องปิดกั้นไม่ให้เขาเหล่านั้นได้แสดงออก
การประกาศตนว่ารักใครสักคนสามารถทำได้อย่างองอาจ
และในบางกรณีการประกาศตนเช่นว่านั้น ยังอาจส่งผลกระตุ้นอะดรีนาลีนในร่างกายให้หลั่งออกมาจนสร้างความปีติสุขให้แก่ตนเองได้อีกด้วย
แล้วเหตุใดการบอกว่าไม่รักหรือรู้สึกเฉยๆ จึงต้องถูกคุกคามจากอำนาจ – ทั้งตามกฎหมายและนอกกฎหมาย - ด้วยเล่า
การรักหรือไม่รักใครสักคนย่อมเกิดจากมโนธรรมสำนึกส่วนตน
หาเกิดจากการบังคับไม่จะให้ทำเช่นไร
หากมโนธรรมสำนึกของเขาบอกเขาว่า เขารักและเทิดทูนคนคนหนึ่ง หรือพระเจ้าในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนคนเดียวกันกับคนที่คนส่วนใหญ่รักและเทิดทูน
หรือ หากมโนธรรมสำนึกของเขาบอกว่า
เขารู้สึกเฉยๆกับคนที่คนส่วนใหญ่รัก
เขาจะโดนคุกคามจากภัยใดหรือไม่
วันหนึ่ง
เราอาจเห็นคนรุมกระทืบคนที่ไม่รักคนคนหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เขารักกัน
ร้ายแรงกว่านั้น เราอาจเห็นการฆาตกรรมหมู่กลางมหานคร ด้วยมูลเหตุเพียงว่า เหยื่อพวกนี้ไม่มีรสนิยมแบบที่คนส่วนมากเขามี
มีแต่สังคมป่าเถื่อนและไร้อารยะเท่านั้น
ที่ไม่เปิดพื้นที่ให้ความคิด ความเชื่อ หรือรสนิยมที่แตกต่าง
ฤาสังคมแห่งนี้ แม้เพียงเสรีภาพในความรัก ก็มิอาจหยิบยื่นให้แก่กันได้
เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกคุกคามอย่างมากพอแล้ว
แล้วนี่จะไม่เหลือพื้นที่ให้เสรีภาพในความรักบ้างเลยหรือ
Etat de droit
วันศุกร์, เมษายน 25, 2008
ที่มา : Etat de droit : ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม
หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยผู้จัดเก็บบทความ
วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม
ผู้จัดเก็บบทความ เจ้าน้อย ณ สยาม ที่ 1:08 ก่อนเที่ยง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น