วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

รายงานข่าวต่างประเทศ : จากการศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน "ประเทศโทน"


รายงานฉบับแรก

ผมขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน"ประเทศโทน" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ

จากการศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศดังกล่าว เริ่มต้นที่ยุค 7 ประเทศโทน ปกครองโดยระบอบสมบูรณญาฯ แต่เกิดปัญหาตรงที่ว่าลูกหลานของท่าน 7 รังแก ข่มเหง ข้าราชการ และ ได้ดิบได้ดีในวงราชการ ทหาร และ ข้าราชการไม่พอใจจึงเกิดการปฏิวัติ เปลี่ยนระบบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตย โดยนายกฯ มาจากการเลือกตั้ง และ ท่าน 7 ก็ สละราชสมบัติ ต่อมาเป็นท่าน 8 ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะถูกน้องชายฆ่าตาย น้องชายก็ขึ้นมาเป็นท่าน 9 ท่านได้พูดกับประชาชนชาวประเทศโทนว่า"เราจะครอบครองแผ่นดินโดยทำ" ท่าน 9 มีเมียชื่อ"เสือกสน" คุณเสือกสนฯ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ โดยมีทหารเอกชื่อ"หัวปวย" คุณเสือกสนฯ กับ หัวปวย แยกกันไม่ออก เพราะทั้งนายและลูกน้องต่างสมประโยชน์กันทั้งคู่ ไพร่ราบทหารเลวต่างมาสวามิภักดิ หัวปวย หัวปวยจะทำอย่างไรกับประเทศโทนก็ได้ ท่าน 9 กับ คุณเสือกสน ไม่เคยขัด

สาเหตุเพราะ ท่าน 9 กับ คุณเสือกสน พร้อมกับลูกๆ และ หัวปวยมีหุ้นต่างๆอยู่ในประเทศโทนมากมาย ไม่ได้มีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ผูกขาดตลาดการค้า รับเงินบริจาคซึ่งไม่มีที่ไปที่มาของเงิน(เปรียบเสมือนการฟอกเงินแหล่งใหญ่ของประเทศ) ลูกๆ ของพวกเขาหากินกับการแจกปริญญา อยู่เบื้องหลังของการปฏิวัติ ผลาญเงินงบประมาณของประเทศชาติ ก่อให้เกิดการแตกแยกทางความคิด และนำมาซึ่งความรุนแรงภายในประเทศ และ สร้างภาพให้ประชาชนชาวประเทศโทน จงรักภักดี ใครทำอะไรผิดใจหัวปวยๆ ก็จะกล่าวหาคนนั้นว่า"ไม่จงรักภักดี"

เหตุการณ์ที่น่าจับตามองภายในครอบครัวท่าน 9 แห่งประเทศโทน คือ ลูกชายท่าน 9 ไม่ถูกกับ หัวปวย แต่การแต่งตั้งรัชทายาทแห่งประเทศโทนต้องมี หัวปวยเป็นผู้เสนอ เกมส์ภายในของครอบครัวมีการวางแผนกันหลายชั้นอยู่ระหว่างทางสองแพร่ง ระหว่างทำลายหักล้าง และ แย่งชิง และเป็นที่มาของทรัพย์สมบัติมหาศาล รวม ทั้งอำนาจ

เคยมีบุคคลได้พยากรณ์ประเทศโทนไว้ว่า"ยุคที่ 8 คือยุคให้ร้าย ยุคที่ 9 คือป้ายสีขาว ยุคที่ 10 ชาวโทนศิวิไลซ์"

ตอนนี้ท่าน 9 ก็ใกล้ฝั่งแล้ว ปัญหาต่างๆจะตามมาคือการแย่งชิงเก้าอี้นั่ง เก้าอี้ตัวนี้มีทั้งเงินและบารมี ทหารที่ถือหางต่างฝ่ายก็ต้องฆ่ากัน

ประชาชนบางส่วนแห่งประเทศโทนไม่พอใจท่าน 9 และ ครอบครัว รวมถึงหัวปวย และลิ่วล้อของหัวปวยด้วย แต่กำลังรอจัวหวะ อีกไม่เกิน 10 ปี ชาวประชาแห่งประเทศโทน จะได้เห็นเหตุการณ์ที่สำคัญ

จบการรายงานเหตุการณ์แห่งประเทศโทน แต่เพียงเท่านี้ ความคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป

ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ไม่มีสิ่งใดอยู่ค้ำฟ้า ขอยึดมั่นกับคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่ตั้ง



รายงานฉบับที่สอง

รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ในประเทศโทน เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 นายกที่มาจากการเลือกตั้งชื่อ"ทักสิน" ทักสินฯ ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนประเทศโทนอย่างล้นหลาม(ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์แห่งประเทศโทนมาก่อน) ทักสินฯ ได้บริหารประเทศโทนตามสัจจะที่ได้ให้ไว้กับประชาชนชาวโทน ชาวบ้านซื้อง่ายขายคล่อง เศรษฐกิจดี เจริญรุ่งเรือง ต่อมา ทักสินฯ มีความสนิทสนมกับรัชทายาทของท่าน 9 ซึ่งไม่ถูกกันกับหัวปวย หัวปวยได้พยายามที่จะกำจัดทักสิน และ รัชทายาท ให้สิ้นซาก หัวปวยจึงวางแผนที่เล่นงานทักสินฯ ก่อน เพราะรัชทายาทก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ และแผนชั่วของหัวปวยก็เริ่มขึ้นโดยการให้ลิ่วล้อ สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนในกรุงเทบ(เมืองหลวง) ประชาชนชาวโทน ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทบ ขณะนั้นมีอาการเหมือนช้างตกมัน หรือเหมือนไอ้ทรพี(ควาย) จะขวิด จะชน อย่างเดียว โดยการกรุเรื่องๆต่างจากนายด๋ำเดือก(สนทวย) ว่า"ทักสินฯ เป็นบุคคลที่ไม่จงรักภักดี โกงกิน" และการก่อความไม่สงบครั้งนี้มีคุณเสือกสน ภรรยาของท่าน 9 ร่วมกระทำการอัปรีย์ จัญไร ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คุณเสือกสนทำตัวเยี่ยงไพร่ และในที่สุดก็จัดการกับทักสินฯ ได้สำเร็จ ทักสินฯ ต้องหนีไปอยู่ประเทศอังกิด และ มาต่อที่ฮ่องโกง รอการกลับมาประเทศโทน แต่หัวปวย ฆ่าทักสิน ไม่ตาย ก็เลยต้องยอมลดวาวาศอก โดยมีคนกลาง(อนุภง)มาไกล่เกลี่ย หัวปวยได้กล่าวว่า"เอ็งจะกลับเข้ามาในประเทศโทน ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามเข้ามายุ่งกับกิจการของข้าฯอีก" ซึ่งผลของการตกลงระหว่าง หัวปวย กับ ทักสิน จะเป็นอย่างไร จะนำเสนอต่อไป

จากการติดเกาะข่าวของแหล่งข้อมูลที่ใกล้ชิด ได้ความว่า ทักสิน พยายามที่จะให้ทุกบริษัท ที่ท่าน 9 กับ หัวปวย และ ลิ่วล้อ มีหุ้นอยู่ เสียภาษีให้ถูกต้อง และต้องการที่จะตรวจสอบเรื่องเงินที่เอามาให้ท่าน 9 ว่าเงินมาอย่างไร เพราะ ทักสิน เห็นว่าเงินดังกล่าวไม่บริสุทธิ์ เป็นการฟอกเงิน คุณเสือกสน กับ หัวปวย จึงกำจัด ทักสิน และทุกวันนี้สังคมภายในประเทศโทนเกิดการแร้นแค้น เพราะหัวหน้าคณะปฏิวัติคือ พล.เอก สนหอย ได้ผลาญงบประมาณของประเทศโดยนำเงินไปเลี้ยงหอย และ เจตนาของ พล.เอก สนหอย ต้องการที่จะเลี้ยงหอย 10 ตัว หอยแต่ละตัวมีชื่อต่างกัน ประไหมสุหรี(2) มะเดหวี(2) มะโต(2) ลิกู(2) เหมาหลาหงี(2)

รายละเอียดต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศโทน จะนำเสนอต่อไปเป็นระยะ


รายงานฉบับที่สาม

ตามมารยาท และ จริยธรรมของนักข่าว ในประเทศที่เจริญแล้วผู้รายงานข่าว มีหน้าที่แต่รายงานข่าวเท่านั้น ไม่มีสิทธิที่จะวิจารณ์ข่าว เพราะเป็นสาเหตุแห่งการชี้นำ สังคม และ นำมาซึ่งความแตกแยก ผิดถูกเป็นเรื่องของกฏหมายตัดสิน ผมมีหน้าที่แต่ติดตามข่าว และ นำมาเสนอเท่านั้น จากการติดตามข่าว หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศโทน มีผู้สื่อข่าวเดนตาย แจ้งเข้ามาว่า นายกคนปัจจุบันของประเทศโทนชื่อ "สุรยัด" ซึ่งมาจากการปฏิวัติ ได้งาบป่าเขายายเที่ยงคืน แต่ยังไม่มีใครสามารถที่จะเอาผิดกับ สุรยัด ได้ เพราะตอนที่ สุรยัด งาบป่าเขายายเที่ยงคืน เป็นคืนเดือนมืด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถคลำทางได้ ต้องรอจนกว่า ข้างขึ้นเดือนหงาย พระจันทร์เต็มดวงเสียก่อน แล้วทุกอย่างจะกระจ่าง ต่อข้อถามที่ว่า"สุรยัด งาบเขายายเที่ยงคืนจริงหรือ" สุรยัดตอบว่า"ถ้าผิดจริง ก็เอาที่คืนไป" ชาวโทน จึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันมาก และ ชาวโทนตั้งฉายาให้กับสุรยัดว่า"หวยคัว" ตอบแบบไม่มีสมอง และ เห็นแก่ได้

มีข้าราชการคนจนแห่งประเทศโทน ออกมารับแทน ท่าน 9 พร้อมกับ คุณเสือกสน และ หัวปวย ว่าการกระทำของบุคคลเหล่านี้เป็นไปโดยชอบแล้ว

ประชาชนบางส่วนแห่งประเทศโทน ได้มองแล้ว ท่าน 9 พร้อมกับ ครอบครัว และ หัวปวย มีหุ้นอยู่ในธุรกิจต่างๆ และ ธุรกิจเหล่านี้ ไม่สามารถมีใครตรวจสอบได้ เงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฏหมาย เช่น การหนีภาษี, อบายมุขและการพนันทุกชนิด, การตัดไปม้ทำลายป่า, ยาเสพติด และ เงินที่ได้มาจากการรีดนาทาเร้นชาวโทน ส่วนหนึ่งได้ถูกส่งไปให้ท่าน 9 โดยใช้คำว่า"เงินให้โดยเสน่หา ใช้ตามอำเภอใจ" และมีผู้วิเคราะห์เพิ่มเติมต่ออีกว่า ประชาชนชาวโทน ทุกคน จะต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ ว่าเงินมีที่ไปที่มาอย่างไร เพราะประเทศมีความจำเป็นเรื่องภาษี ที่จะต้องเอามาดูแล คนพิการสายตา อาการทางจิต และ พิการหรือป่วยอย่างอื่นอีกมาก แต่ประเทศโทน คนตาบอดต้องมาขาย lotto คนป่วยอาการทางสมองถูกปล่อยปละละเลย และ ทำร้าย หรือ ฆ่า คนปกติ ตามถนนหนทาง และ จะต้องนำมาช่วยเกี่ยวกับการศึกษา

ต่อข้อถามที่ว่า "ท่าน 9 ทำงานหนัก เพื่อประชาชนชาวโทน และมีมูลนิธิต่างๆเพื่อช่วยชาวโทนจริงหรือ"

มีผู้สัดทัดกรณี ให้ความเห็นว่า "ท่าน 9 รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนอยู่แล้ว ก็ควรที่จะต้องทำงานเพื่อสังคม ไม่ใช่เอาความดีนี้มาอ้างเป็นบุญคุณ ส่วนเงินที่ท่าน 9 นำมาตั้งกองทุนต่างๆ เป็นเงินที่ได้มาอย่างไร มีที่ไปที่มาของเงินอย่างไร" และ ให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า

"ถ้าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่สุจริต และ นำเงินเหล่านี้มาตั้งเป็นกองทุนสมควรหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ก็ในเมื่อมีรัฐบาลแล้ว ทำไมไม่ให้รัฐบาลเป็นผุ้ดำเนินการ และกระทำการตามฉันทานุมัติของประชาชนชาวโทน"

และนี่คือเรื่องจริงก่อนปิดท้ายรายงานข่าว ที่จังหวัดหนึ่งติดชายแดน มีโรงแรมหนึ่ง ได้นำมาไม้เถื่อน มาทำบานประตู หน้าต่าง เจ้าหน้าที่ได้จับ ตรวจ และ ยึด เจ้าของโรงแรมได้อ้างว่า"เป็นพระสหายของพี่สาวท่าน 9" และ พี่สาวของท่าน 9 ก็โทรด่วนมาเอาไม้คืน และ คดีของหม่อมลูกอ๊อด และ คดีของท่าน 9 ที่ฆ่าพี่ชายตาย คดีบุกรุกป่าทุ่งใหญ่ฯ ยังสรุปไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าเป็นคดีที่มีท่าน 9 กับครอบครัว หรือ คนใกล้ชิด เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ตำรวจจะไม่สามารถทำอะไรได้ สังคมไม่สามารถตรวจสอบได้

ชาวประชาโทน กำลังร้องเพลง"รอ" และ

"ข้างขึ้นเดือนหงาย คงต้องตายสักวัน ไม่เธอก็ฉัน พระจันทร์เป็นพยาน"



ผู้รายงาน : นักข่าวไม่รู้สำนัก นามว่า nat

ที่มา : ประชาไท : ความคิดเห็นต่อข่าว/บทความ

หมายเหตุ
ด้วยเหตุที่ว่าตอนนี้ไม่รู้จะหาบทความและ ข่าวภายในประเทศเรี่องอะไรมาลงดี พอดีกับที่ไปเห็นรายงานข่าวต่างประเทศชิ้นนี้น่าสนใจดี เลยไปขโมยรายงานข่าวชิ้นนี้มาลงขัดตาทัพไว้ก่อน...

ยังไงซะมันก็เป็นแค่ข่าวต่างประเทศอย่าคิดมาก

ไม่มีความคิดเห็น: