วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551

ความคิดเห็นที่ 164 : เรากำลังหลงทางหรือเปล่า?


ประเทศเรากำลังหลงทางหรือเปล่า กับอะไรบางอย่างที่คนไม่กล้าวิจารณ์เพราะกลัวคนว่า ถ้าพูดวิจารณ์อะไรออกมาแล้วไป 'กระทบ'เราเลยได้ยิน ข่าวการเลื่อนงานนั้นงานนี้ออกไป เลื่อนคอนเสิร์ต เลื่อนงานฟุตบอลประเพณี เลื่อนงานรื่นเริง งานเปิดตัวสินค้าก็ยังเลื่อนเพราะกลัวว่าจัดงานขึ้นแล้ว คนส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นการ มิบังควร จะโดนว่าได้ไม่มีใครอยากเป็น เป้านิ่ง แน่นอน.....

เฮ้อ....นี่แหละประเทศไทย ไม่มีใครรู้ว่าอะไรควรทำ เพื่อประเทศชาติอะไรควรมาก่อน เพื่อให้ประเทศได้เดินต่อไปรู้แต่ว่า ต้องทำเหมือนๆ กัน แล้วจะปลอดภัย

งานศพ งานแต่งงาน ที่ใช้งบประมาณอย่างมหาศาล เสียเงินทองเท่าไหร่ต้องเสียต้องจัดให้สมเกียรติ ให้สมฐานะ อย่างถึงที่สุด ก็จริง ถูกต้องอย่างที่สุด ไม่มีใครว่า ถ้าเงินนั้นเป็น เงินส่วนตัว ไม่ใช่เงินส่วนรวม เงินภาษีประชาชน หรือเงินบริจาค หรือบางคนใช้เงินส่วนตัวของตัวเองถ้ามากมายเกินไป ก็อาจจะถูกมองว่า ตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำท่านพุทธทาส ทำคุณประโยชน์ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอย่างมากงานศพท่านจัดอย่างเรียบง่าย ไม่ได้จัดงานยิ่งใหญ่อลังการแต่อย่างใด

ต่างประเทศ เอาเงินส่วนรวมมาจัดงานใด ประชาชนจะจับตาว่า ใช้เงินคุ้มค่าหรือไม่แต่ประเทศไทย บางงาน ใช้จ่ายอย่างไม่จำกัด และไม่มีการเปิดเผยงบประมาณที่ใช้คงจะมาก จนไม่บังควรที่จะเปิดเผย หรือถ้าไม่มาก ก็ควรเปิดเผย หรือไม่รู้แต่ว่าต้องจัดงานอย่างสมฐานะ และไม่ให้กระแส ซา ลงไปสื่อมวลชนจึงถูกใช้เป็น เครื่องมือ อีกครั้ง เพื่อสร้างกระแสข้าพเจ้า เป็นคนที่ชอบดูข่าวสารบ้านเมือง แต่ระยะนี้ เบื่อ ข่าวที่เสนอซ้ำไป ซ้ำมาอย่างที่สุด และจะเป็นแบบนี้อีก 3 เดือน

รายการสารคดีเที่ยวต่างประเทศ ที่เอามาฉายซ้ำ มีเนื้อหาละเอียด ครบถ้วน แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อยากดูเพราะรูปแบบการนำเสนอ ที่ดูน่าเบื่อ วิธีการนำเสนออย่างเป็นทางการ ภาษาที่ใช้เป็นทางการ ไม่ชวนให้สนุกสนานเพลิดเพลิน ถ้าจะให้ดูต้อง ใช้ความอดทนดู การเอามาฉายซ้ำ เป็นการสิ้นเปลืองเวลา ถ้าท่านคิดว่าอยากจะมีคนดูค่าใช้จ่ายในการออกอากาศ รัฐบาลต้องจ่าย อีกหรือไม่ หรือว่าออกอากาศฟรี?

ผลประโยชน์อย่างนึงที่ได้จากการที่นักข่าวนำเสนอ ให้คนไปเยอะๆ ก็คงเป็น แผงขายของที่ระลึกที่นับวันก็จะมีมากมาย เป็นสิบเป็นร้อยชนิด คนที่ไปงานก็ต้องซื้อ ของที่ระลึกติดไม่ติดมือมาอย่างสองอย่าง หนังสือที่พิมพ์แจก สำนักพิมพ์หรือคนจัดพิมพ์ ก็จะได้ ส่วนต่าง จากจำนวนที่พิมพ์ หรือไม่ หรือค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ที่มากเกินจริง เงินรับบริจาค ซึ่งไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไร เอาไปจัดงานหรือไม่ถ้าจัดงานต้องใช้เงินมากมายแล้ว เรียกว่า ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ให้สมเกียรติจากเงินบริจาคของประชาชนนั่นเอง มีกลุ่มคน ร่ำรวยจากการรับเป็นผู้จัดงานให้รัฐบาล

ในภาวะที่ข้าวยาก หมากแพง สินค้าทุกชนิดขึ้นราคาอย่างไม่สมเหตุผลทุกคนประหยัด จากค่าน้ำมันที่แพงลิบลิ่ว ใช้จ่ายอะไร ก็ต้องระมัดระวัง รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความลำบากของประชาชนเรื่องข้าวของแพงเรื่องเล็ก แต่เรื่องเสื้อขาว-ดำไว้ทุกข์ สั่งให้ทีวีขาวดำ เป็นเรื่องใหญ่

....งานวันเด็ก ให้ปรับลดขนาดการจัดงาน ลดความสนุกสนาน รื่นเริง ให้จัดเป็นนิทรรศการแทน ก็ยังดีที่ไม่สั่ง ยกเลิกงานไปซะเลยเด็กคือ อนาคต ของชาติ ที่ยังมีชีวิตอยู่และจะเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปแต่...งานศพ บางงานใช้จ่ายไม่อั้น ไม่จำกัด คนที่ตายไปแล้วกลายเป็นอดีต ที่เหลือแค่ความทรงจำ แต่กลับให้ความสำคัญมากกว่า ให้ประชาชนและรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ เงินที่จัดงานก็คือภาษีของประชาชนใช่หรือไม่ญาติท่าน ทำไมไม่เป็นเจ้าภาพ รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเอง

ก็พูดยากนะ เพราะนี่คือประเทศไทย ไม่มีใครไปบอก พวกเขา เรื่องความประหยัดเพราะคิดว่าเขาเป็นเจ้าของทุกอย่างในประเทศ ไม่ใช่คนที่กินเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายหรือเงินบริจาคจากห้างร้านต่างๆ ไม่ต้องคิดเรื่อง ค่าน้ำมันรถ ที่ไปไหนต้องมีรถวิ่งตามเป็นขบวนหลายสิบคัน ไม่ต้องคิดว่า ปชช แถวสนามหลวง เบื่อรถติดแสนสาหัสแถวนั้นแค่ไหนไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ว่าจะมากมายแค่ไหน

ข้าพเจ้าข้องใจเรื่อง รายได้ อย่างมาก ถ้าท่านได้รับรู้ว่ามีคนข้องใจจะกรุณาออกมาเปิดเผย รายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมด ของกลุ่มบุคคล ให้ประชาชนทั้งประเทศได้รู้ประชาชนควรจะต้องได้รู้หรือไม่ จะได้ไม่เป็นเรื่องที่ เอาไว้พูดลับๆ อีกต่อไป ว่าท่านใช้เงินภาษีของประชาชน อย่างสิ้นเปลือง และใช้อย่างไม่เห็นคุณค่า ทุกท่านอยู่อย่างสุขสบาย และหรูหรา ไฮโซอ้วนท้วนสมบูรณ์ บางท่าน พองระยะสุดท้าย ราวกับลูกโป่งใกล้จะแตกหรือว่าท่านมีรายได้จากกิจการใด ท่านก็ควรบอกประชาชน ให้หายข้องใจมีข่าวลือว่าท่านขาย ของใส่ข้อมือ กับ เสื้อ เพื่อเอาไปจัดงานวันเกิดหรูหราเลี้ยงชาวต่างชาติ นั้นใช่หรือไม่ ทั้งที่ประเทศไม่ได้ร่ำรวยอะไร ประชาชนต้องช่วยกัน ลงขัน จัดงานให้ท่าน แล้วไม่ได้เกิดประโยชนอะไร เป็นชิ้นเป็นอันกับประเทศเลยอาจจะได้ชื่อว่า มีน้ำใจ อย่างมาก ก็เท่านั้น

ท่านเรียกร้องให้ประชาชน จงรักภักดี ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ จ่ายเงินภาษีให้ท่านใช้หรือไม่ก็เป็นลูกค้า ซื้อสินค้า มีสี ของท่านแล้ว ต้องจงรักภักดีกับท่าน ต้องสำนึกในความกรุณาของท่านอีก?

ครั้งนึงข้าพเจ้าเคยศรัทธาบุคคลท่านนึงมาก เช่นเดียวกับประชาชนทั้งประเทศแต่ปัจจุบัน ความคิดข้าพเจ้าเปลี่ยนไป จากกระแสที่ให้คนทั้งประเทศใส่เสื้อเหลืองเสื้อชมพู เพื่อแสดงความจงรักภักดี บางคนอาจมองว่า ดี เป็นการแสดงความสามัคคีแต่ข้าพเจ้าคิดว่ามีกลุ่มคนที่เอากระแส ความรักความศรัทธาบุคคลบางคนมา หากิน เป็นการหาประโยชน์จากประชาชน มากกว่าเป็นการแสดงความสามัคคีบางคนบอกว่าเป็นช่วงที่บุคคล ได้รับความนิยมอย่างถึงขีดสุดแต่ข้าพเจ้ามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ ความเสื่อมศรัทธา มากกว่า....


เจอที่พันทิบคิดว่าอีกไม่นานคงโดนลบ

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/top...9/A6205879.html
ความคิดเห็นที่ 164

ผู้เจอ : littlegodfather

ที่มา : http://www.getmorestudio.com/samesky/index.php?showtopic=76&st=20

ไม่มีความคิดเห็น: