วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2551

ฎีกาคัดค้านพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นองคมนตรี


เรียนพี่น้องประชาชนผู้สนใจ ร่วมยื่นฎีกาคัดค้านพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นองคมนตรีเนื่องจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งองคมนตรีนั้น เราในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีเลี้ยงรัฐ จึงยังมิอาจเห็นด้วยจึงจำต้องยื่นฏีกาของให้มีการพิจารณารับฟังข้อความจริง ซึ่งจะยื่นถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙

ภายใน วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๑.๐๐ น. ณ ประตูสวนจิตรดา ฝั่งถนนราชวิถีจึงขอเรียนเชิญมายังพี่น้องประชาชนที่สนใจเข้าร่วมยื่นฏีกา และรายงานข้อเท็จจริง ตามเอกสารที่แนบมาด้วย


ภูมิวัฒน์ นุกิจ
083-606-....



ถวายฏีกา

วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑


กราบบังคลทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙

เรื่องกราบทูล ขอทรงพระกรุณารับฟังและพิจารณา ถึงความเหมาะสมของการแต่งตั้ง พล.อ.สุร- ยุทธ์ จุลานนท์ เป็นองคมนตรี สิ่งที่แนบมาด้วย

๑.คำฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อ พล.อ.สุรยทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ ระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด

๒.ข้อมูลแสดงผลงานของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี

๓.ข้อมูลข้อขัดแย้งในการถือครองที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของ “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการถือครองที่ดินบริเวณเขายายเที่ยง”


ข้าพเจ้า นายภูมิวัฒน์ นุกิจ อยู่บ้านเลขที่ ... ซ.ราชวิถี1 ถ.รางน้ำ เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

ขอยื่นถวายฏีกาต่อพระองค์ท่าน ดังมีรายละเอียดและข้อความจริงดังต่อไปนี้

สืบเนื่องด้วยได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี ตามประกาศ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ แล้วนั้น ซึ่งทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มขึ้น โดยอาศัยพระราชอำนาจ ตามความในมาตรา 12 และมาตรา 13 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มขึ้นมาจำนวน ๓ ท่าน ด้วยกันนั้น ซึ่งประกอบด้วยผู้มีรายชื่อดังนี้ คือ

1. ให้ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นองคมนตรี
(พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อายุ 65 ปี ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เคยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อปี 2546 และพ้นจากตำแหน่งองคมนตรี หลังได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 24 อันมาจากการสรรหาและนำเสนอ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) )

2. ให้ นายศุภชัย ภู่งาม เป็นองคมนตรี
(นายศุภชัย ภู่งาม อายุ 63 ปี ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ อดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 ประธานศาลฎีกา และผู้พิพากษาอาวุโสศาลแรงงานกลาง)

3. ให้นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เป็นองคมนตรี
(นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อายุ 62 ปี ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ อดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 1 ประธานศาลฎีกา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม)

ซึ่งทั้งนี้ ย่อมมีผลนับแต่วันที่ประกาศ คือตั้งแต่ วัน ประกาศ ณ วันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน เป็นต้นไป โดยมี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ


ข้าพเจ้าในฐานะประชาชน และหรือปวงชนชาวไทยผู้มีส่วนได้เสียกับรัฐ ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ตามความในหมวด ๑ มาตรา ๓ และมีสิทธิ เสรีภาพ อำนาจ หน้าที่ ตามความในมาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๒ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๒ มาตรา ๗๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ที่มี สิทธิ อำนาจ หน้าที่ จำต้องเสียภาษีให้แก่รัฐนั้น ข้าพเจ้าขอแสดงสิทธิของประชาชนชาวไทย และหรือปวงชนชาวไทยตามกฎหมาย ขอกราบบังคมทูลว่า ซึ่งยังไม่อาจเห็นพ้องในความเหมาะสมของพล.อ.สุรยทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากพระองค์ท่านอาจจะยังไม่ได้รับทราบในข้อมูล ถึงหลักคุณสมบัติอันเหมาะสม ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรืออาจจะยังทรงมีข้อมูลไม่เพียงพอ ต่อการตัดสินพระทัย ซึ่งข้าพเจ้ามีข้อความจริงจะกราบทูลให้ทรงทราบดังต่อไปนี้ คือ


๑.หลักความชอบธรรมของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่สืบเนื่องมาจากการเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากปฏิวัติ รัฐประหาร ตัดตอนระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) โดยไม่ได้มาจากวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง อันถือหลักมติมหาชน คือ การมาจากประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ดังนั้นลักษณะของการดำรงตำแหน่ง จึงมีลักษณะเป็นการรักษาการชั่วคราวเพื่อดำเนินการเฉพาะกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กิจการที่สำคัญของประเทศบางอย่างสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรง แก่รัฐหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนเท่านั้น ซึ่งปรากฏชัดเจนว่า กรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ขัดต่อหลักความชอบธรรมและครรลองแห่งระบอบประชาธิปไตย แบบรัฐสภา เพราะขัดต่อหลักมติมหาชน ขัดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรม จึงถือว่าขัดกับหลักความชอบธรรมในการเป็นองคมนตรีด้วย


๒.หลักการมีส่วนได้เสียกับตำแหน่งองคมนตรี เนื่องจากกาลสมัยที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น หลังจากได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น รัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากปฏิวัติ รัฐประหาร เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้มีการออก “พระราชกฤษฏีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและ รัฐบุรุษ พ.ศ. ๒๕๕๑” และโดยได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๕ ตอนที่ ๒๒ ก หน้า ๔๘ ซึ่งประกาศให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยที่รัฐสภาชุดใหม่กำลังจะมีการเลือกคณะรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศอยู่แล้วนั้น ส่งผลให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่คณะองคมนตรี ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ โดยข้าพเจ้าได้ขอกราบบังคมทูลว่าอาจขัดแย้งกับแนวทางปรัชญาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ของพระองค์ท่านด้วย

แม้กาลสมัยนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี จะลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีแล้วก็ตาม แต่โดยพฤตินัยก็ถือได้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐบาลและเป็นผู้ถืออำนาจสูงสุดของฝ่ายบริหารในกาลสมัยนั้น เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทางอ้อมกับพระราช กฤษฏีกาฉบับดังกล่าว ซึ่งมีแนวโน้มที่ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ให้แก่คณะองคมนตรีอย่างชัดเจน และการออกพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าขอกราบบังคมทูลว่า เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามหลักการพิจารณาทางปกครอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการตามกฎหมายปกครอง ซึ่งเรื่องนี้ได้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ตามคดีหมายเลขดำ ที่ ฟ.๘/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็น “เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฏีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์”

ดังนั้นการที่มีพระราชกฎษฎีกาฉบับดังกล่าวออกบังคับใช้ ย่อมมีผลทำให้เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของประธานองคมนตรี องคมนตรี และรัฐบุรุษ ปรับสูงกว่าผู้ถืออำนาจสูงสุด ของฝ่ายบริหาร ของฝ่ายนิติบัญญัติ และของฝ่ายตุลาการ กล่าวคือตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ได้กำหนดให้ประธานองคมนตรีรับเงินเดือนประจำตำแหน่งเดือนละ121,990 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 114,000 บาท ส่วนองคมนตรีได้รับเดือนละ 112,250 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 104,500 บาท ส่วนรัฐบุรุษได้รับเงินประจำตำแหน่งเป็นรายเดือน เดือนละ 121,990 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 100,000 บาท ซึ่งข้าพเจ้าขอกราบบังคมทูล เห็นว่าไม่น่าจะถูกต้องตามหลักนิติธรรมและหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา


๓.หลักความชอบด้วยคุณธรรม จริยธรรม และหลักเหตุผล ของการดำรงตำแหน่งองคมนตรี เนื่องจากข้าพเจ้า ขอกราบบังคมทูลความเห็นต่อพระองค์ ว่า กรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ถูกตั้ง “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการถือครองที่ดินบริเวณเขายายเที่ยง” เพื่อรวบรวมข้อมูลและวินิจฉัยว่ามีการบุกรุกป่า ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในขอบเขตของป่าอนุรักษ์ ที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เข้าถือครองที่ดินหรือไม่ ซึ่งต่อมาข้าพเจ้าทราบว่าอาจได้มีการโยกย้าย ถ่ายชื่อโอนให้เป็นของบุตรชาย หรือเครือญาตินั้น และยังไม่แน่ชัดว่าพื้นที่ ที่ถือครองนั้นเป็นพื้นที่ของเอกชน หรือเป็นพื้นที่ของรัฐที่อาจเข้าข่ายผิด หรือขัดต่อ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ เพราะอาจเป็นที่ดินของรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ของพื้นที่เขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ซึ่งติดกับเขตบริเวณของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าหากต้องรอให้ผลการสอบสวน วินิจฉัยข้อเท็จจริง ออกมาเป็นที่แน่ชัดเสียก่อน ข้าพเจ้าจะไม่ขัดข้องหมองใจสิ้นสงสัยต่อเรื่องนี้เลย เพราะข้าพเจ้าได้เห็นว่า หากเรื่องนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ย่อมขัดต่อหลักคุณธรรม จริยธรรมและหลักเหตุผล และข้อกำหนด ที่เหมาะสมของการดำรงตำแหน่งองคมนตรี อันควรเป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย ในกรณีของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์


ด้วยเหตุผลดังที่กราบบังคมทูลมาแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าใคร่ขอให้พระองค์ทรงโปรดพิจารณาวินิจฉัยในความเห็นของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นว่าอาจขัดต่อหลักความชอบธรรม หลักการมีส่วนได้เสีย หลักความชอบด้วยคุณธรรม จริยธรรม และหลักเหตุผล ของการดำรงตำแหน่งองคมนตรีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงขอให้พระองค์ท่านทรงพระกรุณารับฟังในข้อความจริงที่ข้าพเจ้ากราบทูลมา และขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญเกษมสำราญยิ่งยืนนาน อยู่คู่มิ่งขวัญ ประชาชนไทยเทอญ

ควรมิควรสุดแล้วแต่พระองค์จะทรงโปรดพิจารณา
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


(นายภูมิวัฒน์ นุกิจ)
ประชาชนชาวไทย ผู้ยื่นถวายฏีกา


****************************************

ไฟล์ที่แนบมาด้วย ________________________________._.__________________________final_.doc ( 46.5k )


โพสต์โดย : ลี้คิมฮวง

ที่มา : กระดานสนทนาฟ้าเดียวกัน : กระทู้ เรียนพี่น้องประชาชนผู้สนใจ ร่วมยื่นฎีกาคัดค้านพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นองคมนตรี วันที่ ๑๘ เมย.๕๑ เวลา๑๑ โมงเช้า ที่สวนจิตร

หมายเหตุ
การเน้นข้อความและตัดข้อมูลส่วนตัวบางส่วน ของผู้ยื่นฎีกาทำโดยผู้จัดเก็บบทความมิได้มีในต้นฉบับ

ไม่มีความคิดเห็น: