วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ผัวเมียอยู่กันมา ห้าสิบกว่าปี มันต้องมีสันดานเดียวกัน


ผม ดร.วิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เดินทางบรรยายมาแล้วทั่วโลกขออธิบายเรื่อง

ทฤษฎ๊ว่าด้วย การใช้นโยบายความขัดแย้งในครอบครัวเพื่อการบริหาร ในยุคก่อนประวัติศาสตร์(Family'conflict theory of Paleoworld)


แต่หลายคู่ที่เห็นในชีวิตจริง

ก็ต้องสร้างภาพขัดแย้งไว้


ผัวเป็นพระ-เมียเป็นโจร

ผัวขี้งก-เมียมือเติบ

ผัวนิ่งเงียบ-เมียออกหน้า

ผัวไม้นวม-เมียไม้แข็ง

ผัวแกล้งโง่-เมียแกล้งฉลาด


ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยมากคู่ผัวตัวเมียแบบนี้ มักจะสร้างเรื่องวุ่นๆ แบบสลับฉาก ่ก็เพราะมีเรื่องปิดบังสังคมเยอะ สร้างเรื่องไม่ดีไว้มาก ใช้วิธีตบจูบ ชาวบ้านแบบนิยายน้ำเน่า หรือบางครั้ง การเล่นละครกลัวเมีย-เกรงใจผัว มันเป็นทางออกที่ละมุนละไมในสังคมไทย เช่น ผัวเก็บตังค์ไว้หมดเลย ไม่มีเงินจริงๆ ไม่รู้เรื่อง เงินๆทองๆของผัวด้วย หรือเมียไปทำอะไรผิด ผัวก็ไม่รับทราบด้วยเพราะห้ามไม่ฟังไม่พูดด้วยนานแล้ว

แต่ลึกๆแล้ว ทั้งสองต่างรับรู้ และสร้างระบบป้องกัน(Defense and cut-out mechanism) รวมทั้งระบบตัดตอนกันไว้แล้ว และใช้ระบบนี้กับสังคมทั่วๆไปมาอย่างช้านาน บางทีต้องเทียบเคียงกับครอบครัวข้างบ้าน

จะพบว่าถ้าครอบครัวที่กินดีอยู่ดี มีปัญญาเยอะ (Wealth & educated)มักไม่ค่อยทำนิยายครอบครัวกันแบบนี้ พบมากในครอบครัวโจร

เพราะต้องตัดตอนกันเอง หรือไม่ก็ครอบครัวสิบแปดมงกุฎ แบบทรงเจ้าเข้าผี ไม่ก็ประเภท ทวงหนี้-ปล่อยกู้ เลี้ยงโจร-ตีชิง ต้องเลี้ยงลูกน้องทรามๆไว้เยอะ ต้องใช้ระบบนางมารกับพ่อพระ เพราะโจรมันโง่ ต้องเลี้ยงด้วยละครและเรื่องเหลือเชื่อ และโจรมักเป็นนักเลงแบบคนป่ามีปืน(Anachy) กะหลั่วในซอย ออกนอกซอยแพ้หมด กับอีกพวกคือ ทะแนะอ่านกฏหมายจากถุงกล้วยแขก แล้วอวดรู้ เป็นต้น

ลึกๆแล้วครอบครัวแบบนี้ เป็นสิบแปดมงกุฏ เพื่อนบ้านไม่คบหรอก สังคมไม่มี ยิ่งพอแก่ตัวพอมีทรัพย์อยู่บ้าง ถ้าลูกหลานโง่ ดูแล้วมีแนวโน้มครองทรัพย์ไม่ได้ และเรื่องราวต่างที่เคยปกปิดอาจถูกเผยก็ต้องดิ้นเป็นธรรมดา บวกกับความโง่เป็นทุนเดิมซักพักหน้ากากก็เปิดเผย

ความเป็นจริงแล้ว ในบริบททางสังคมแบบนี้ อธิบายได้ด้วยทฤษฎ๊พื้นทางทางวิทยาศาสตร์ ที่ว่าด้วยเรื่อง การใช้และการรับความรู้สึก ในสิ่งมีชีวิตที่ใช้พัฒนาการทางสมองไม่สูงนัก คือใช้แต่สัญชาติญาณเพื่อการดำรงชีพ(ชาวบ้านเรียก-กินขี้ปี้นอน ภาษาทางการเรียกว่า physiologic needs) มีการทดลองพบว่า การให้การกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าขนาดต่ำๆและมีความขัดแย้ง(paradox and low stimulation)จะพบว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะตอบสนองเชิงบวก และ ยอมรับได้ดีกว่า ที่เห็นในธรรมชาติ ก็เช่น การบีบคลายตัวของหัวใจ จะทำให้ร่างกายรับสารต่างๆในเลือด ดีกว่า เครื่องหัวใจเทียมที่ไหลเวียนแบบไม่มีชีพจร(non-pulsatile flow) หรืออย่างในปัจจุบัน มีการนำเทคนิคนี้มาใช้ในเครื่องปรับอากาศ(Fuzzy logic theory)โดยการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เล็กน้อยเป็นจังหวะ เราจะรู้สึกสบายขึ้น โดยไม่ทันสังเกตุ

ในทางสังคมก็มีใช้ให้เห็น เช่นละครตบ-จูบ หรือบางครั้ง ก็ใช้เป็นเครื่องมือ ในการบริหาร อารมณ์ผู้คน(Political & social manipulation) ให้เกิด ความงุนงง ต่อต้าน รุนแรง ปะทะ เจ็บปวด ตอบรับ และยอมรับในที่สุด โดยที่จุดประสงค์หลักของผู้ใช้ จะบรรลุผลในที่สุด


ดร.วิวัฒน์


DISCLAIMERบทความข้างต้น ที่ผม ดร.วิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เดินทางบรรยายมาแล้วทั่วโลกที่บรรยายมาทั้งหมดนั้น เพื่อเป็นความรู้กับทุกท่าน ไม่มีความหมายหรือนัยยะอื่นใดทั้งสิ้น

ที่มา : ประชาไท : ผัวเมียอยู่กันมา ห้าสิบกว่าปี มันต้องมีสันดานเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น: