วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เดอะ ควีน : มุกหอม วงษ์เทศ


นับเป็นโชคดีของทุกฝ่ายที่การบริโภคอาหารค่ำดำเนินไปโดยราบรื่น อาหารที่บกพร่องและภาชนะที่ผิดพลาดได้รับการปรับปรุงแก้ไขทันท่วงที หาไม่แล้วคุณหญิงธุลีพิทักษ์คงไม่แคล้วล้มป่วยจากความเคืองและขายหน้า ความเป็นผู้ดีนี้เองที่ทำให้คุณหญิงต้องรักษาเกียรติยศและแบบแผนจนยังความลำบากแก่ตัวเอง จะโทษใครก็หาได้ไม่

ฝ่ายรำไพเป็นอันยอมอ่อนข้อต่อบิดามารดา หล่อนรับปากว่าจะพูดภาษาไทยให้ได้ทุกคำ หากพยายามถึงที่สุดแล้วไม่สำเร็จก็จะพูดภาษาอังกฤษทุกคำ ไม่ปะปนกัน

เคลื่อนย้ายกันกลับมาที่ห้องรับแขก คุณหญิงเจนอุบายโวหารหยิบกาน้ำชา ถ้วยมัก และขวดเกลือ-พริกไทยเซรามิคปั๊มรูปควีนอลิซาเบธที่สองสวมพระมาลาที่วางโชว์บนชั้นขึ้นมาดูทีละชิ้นอย่างทะนุถนอม แล้วชมว่าน่ารัก

คุณหญิงธุลีฯ แถลงว่าซื้อมาจากร้านขาย ซูเวอเนียร์ เมื่อคราวไปเที่ยวลอนดอนห้าหกปีก่อน กาน้ำชาราคา 25 ปอนด์ ถ้วยมักราคา 12 ปอนด์ ขวดเกลือ-พริกไทยคู่ละ 10 ปอนด์

พระยาเจนฯ กล่าวขึ้นว่า "สองเดือนก่อนที่ควีนอลิซาเบธเสด็จฯ เยือนสหรัฐหลายเมือง ผมได้ดูข่าวทั้งจากบีบีซีและซีเอ็นเอ็น เห็นคนอเมริกันมาเฝ้าฯรับเสด็จกันคับคั่ง ข่าวว่าแต่งเนื้อแต่งตัวหอบลูกจูงหลานแห่กันมายืนเข้าแถวรอตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งช่อดอกไม้ ทั้งกล้องดิจิตอล ถือกันให้ว่อน"

"จริงหรือคะ ที่ว่าคนอเมริกันไปเฝ้าควีนกันคับคั่ง แปลก ดิฉันนึกไม่ถึง" คุณหญิงธุลีฯ ทำสีหน้าพิศวง

"เป็นความจริงครับ คุณหญิง หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่าควีนอลิซาเบธทำให้คนอเมริกัน "เข่าอ่อน" ส่วนดิ อีโคโนมิสต์ยิ่งหนัก เขาว่า "Americans have a dangerous fondness for monarchy"

"แต่มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นได้นะครับ เจ้าคุณ" หลวงบริภาษฯ แย้ง "ก็ไอ้ประเทศอเมริกามันต่อสู้แยกตัวเป็นอิสระมาจากอังกฤษไม่ใช่เหรอครับ แล้วจู่ๆ จะกลืนน้ำลายกลับไปสวามิภักดิ์นายเก่าได้ยังไง เขม่นกันจะตายล่ะไม่ว่า"

"ปู้โธ่! คุณหลวงช่างไม่รู้อะไร! ประเทศอายุน้อยๆ ที่ไม่เคยมีโมนาคีอย่างคนอื่นเขาก็อย่างนี้แหละครับ จะเห่อรอยัลตี้กว่าปกติ ตอนเจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์ คนอเมริกันก็ร้องห่มร้องไห้ไปด้วย" พระยาเจนฯ ยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องแสนจะธรรมดาจนคร้านจะสาธยายต่อ

"แต่ดิฉันชอบภาพยนตร์เรื่อง เดอะควีน มากเลยค่ะ" คุณหญิงธุลีฯ แทรกเมื่อสบโอกาส "เธอเล่นเป็นควีนอลิซาเบธได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เอ ดาราคนไหนหนอ ดิฉันจำชื่อเธอไม่ได้เสียแล้ว..."

"เฮเลน มีร์เรนค่ะ" รำไพไขข้อข้องใจ "แต่ทราบไหมคะว่าเธอกลับปฏิเสธคำเชิญไปรับประทานอาหารค่ำที่พระราชวังบั๊กกิ้งแฮม เล่นเอาใครต่อใครช็อคไปตามๆ กัน คิดดูสิคะ บอกปัดคำเชิญของควีนอลิซาเบธโดยอ้างว่าติดถ่ายหนัง โอ้ พระเจ้า!"

"ทำไมเธอถึงกล้าปฏิเสธนะ" คุณหญิงบริภาษฯ ถามบุตรี

"หนูก็ไม่ทราบค่ะ คุณแม่" รำไพส่ายหน้า ทำท่าตรองครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า "ชาวอังกฤษคงไม่ได้อยากพบควีนเป็นการส่วนตัวกันทุกคนมั้งคะ"

"เดาซิว่าตอนนายบุชพบควีนอลิซาเบธ เขาทำอย่างไร" พระยาเจนฯ ตั้งปริศนา

คราวนี้พระยาธุลีฯ รับคำท้าก่อนใคร "ผมเดาว่านายบุชไม่ยอมโค้ง"

"เจ้าคุณเฉียบแหลมจริง!" พระยาเจนฯ ยกนิ้วหัวแม่มือพร้อมสีหน้าทึ่ง "ผมคอยจับตาดูนายบุชทุกฝีก้าว แกไม่แม้แต่จะก้มหัวให้อลิซาเบธสักนิดหนึ่ง ไอ้พิธีการแบบรัฐพิธีมันก็มีของมันไป ทะหงทหารแต่งตัวเต็มยศ แต่นายบุชทำยังกับว่าควีนอลิซาเบธเป็นแขกสำคัญธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่ควีนของเครือจักรภพตั้งสิบกว่าประเทศ ผมดูแล้วอดหงุดหงิดตาเคาบอยเท็กซัสนี่ขึ้นมาไม่ได้ อ้อ, ในสปีชแกก็หลุดคำผิดอีก หลุดไม่หลุดเปล่า ทะลึ่งขยิบตาให้ควีนอีกต่างหาก!"

"อะไร้! เป็นถึงประธานาธิบดี ช่างไร้มารยาทไม่รู้กาลเทศะ อเมริกันบ้านนอกชัดๆ!" คุณหญิงธุลีฯ ร้องขึ้นมา

"ผมว่าบุชแกทระนงแบบของแกมากกว่าครับ" หลวงหาญฯ ออกความเห็น "ผมรู้จักคนอเมริกันดี เขาถือว่าประเทศเขาพลเมืองมีความเท่าเทียม ไม่แบ่งชั้นวรรณะ"

"ไม่จริงครับ!" พระวาณิชอุปถัมภ์แย้งขึ้นทันที "ใครว่าอเมริกาไม่มีชั้นวรรณะ ผมค้านหัวชนฝา โรงเรียนกับคอลเลจนั่นแหละครับจะเป็นตัวบอก คุณหลวงได้โปรดไปดูก่อนว่าคนอเมริกันที่มีฐานะและการศึกษาส่งลูกเข้าสกูล์อะไร พอโตแล้วเข้ายูอะไร ตระกูลที่ทรงอิทธิพลในอเมริกา..."

คุณนายอนงค์แทรกว่า "คุณพี่คะ!" แล้วหันไปทางพระยาเจนฯ "แล้วควีนอลิซาเบธทรงทำยังไงต่อคะ เจ้าคุณ พอนายบุชมีกิริยาอย่างนั้น"

"ท่านก็ไม่ได้โต้ตอบครับ แค่มองอย่างเหยียดลึกๆ แต่ผมว่าท่านคงไม่สบอารมณ์นายบุชเท่าใดนัก สมัยท่านเสด็จฯเยือนอเมริกาครั้งแรกๆ ตาบุชยังเตาะแตะอยู่เลยกระมัง"

พระวาณิชฯ พูดต่อว่า "ผมบังเอิญอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เหมือนกัน สื่ออังกฤษแสดงความประหลาดใจว่าทำไมชาวอเมริกันถึงยินดีปรีดาต้อนรับควีนของพวกเขากันอย่างเนื้อเต้นนักหนา แล้วเลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผลพวงมาจากหนังเรื่อง เดอะควีน นั่นแหละครับที่ให้ภาพควีนอลิซาเบธอย่างเห็นอกเห็นใจ" พระวาณิชฯ หันไปยิ้มกับคุณหญิงธุลีฯ

"ถ้าให้ผมเดาอีกที" พระยาธุลีฯ หยุดครู่หนึ่งเหมือนจะสร้างความระทึก "คนอเมริกันน่าจะเป็นพวกโหยหาเทพนิยาย มีความเจริญมั่งคั่ง แต่ขาดวงศ์วานขัตติยะ"

"เจ้าคุณเดาได้ตรงใจผม" พระวาณิชฯ ตอบรับโดยพลัน "นอกจากนี้ผมยังเห็นว่าควีนอลิซาเบธทรงอยู่ในโลกที่บูชาดาราคนดังด้วยอีกโสตหนึ่งครับ คนอเมริกันเลยเครซี่กระตู้วู้ไปกันใหญ่ ทั้งแฟรี่เทลทั้งเซเล็บบริตี้ คนดังสามัญชนที่ไหนจะเทียบรัศมีได้"

"คุณพระก็วิเคราะห์ได้ตรงใจผมเช่นกัน" พระยาธุลีฯ ผงกศีรษะเห็นพ้อง

หลวงหาญฯ ใช้หางตาชำเลืองพระวาณิชฯ แวบหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขึงขังว่า

"ผมมีมิตรสหายชาวอเมริกันหลายคน ช่วงที่ควีนอลิซาเบธเสด็จฯเยือนสหรัฐ เขาถกเถียงกันว่าคนอเมริกันควรจะโค้งคำนับหรือถอนสายบัวให้กับควีนอลิซาเบธหรือเปล่า

ฝ่ายที่ว่าควรก็อ้างว่าเพราะทรงเป็นถึงสมเด็จพระราชินีผู้เกรียงไกรแห่งอังกฤษ ครองราชย์มายาวนาน ทำไมจะแสดงความเคารพเพื่อเป็นเกียรติแด่องค์พระประมุขไม่ได้

ส่วนฝ่ายที่ว่าไม่ควรก็ค้านว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเชิดชูหลักเสรีภาพและความเสมอภาคเหนืออื่นใด เป็นเรื่องน่าละอายถ้าคนอเมริกันจะยอมก้มหัวให้กษัตริย์ ราชินี และเชื้อพระวงศ์ประเทศอื่น การต้อนรับควีนอลิซาเบธอย่างสมพระเกียรตินั้นสมควรกระทำตามธรรมเนียมเจ้าภาพที่ดี แต่ต้องไม่ลดตัวเองให้ต่ำกว่าเยี่ยงผู้อยู่ใต้อาณัติ ฝ่ายนี้จึงเห็นว่านายบุชในฐานะประมุขของรัฐทำถูกแล้วครับ ควีนอลิซาเบธเป็นควีนของอังกฤษ ไม่ใช่ควีนของอเมริกา"

"โอ คิดถึงว่าถ้าสมมุติชาวอเมริกันต้องหมอบคลานแล้วขำจังเลยค่ะ" รำไพยกมือป้องปาก หัวเราะคิกคัก

"แต่ชาวอังกฤษหรือชาวยุโรปไม่เคยทำกันขนาดนั้นนะครับ" หลวงหาญฯ เสียงแผ่วลง

"แต่ถ้าเป็นปริ๊นซ์วิลเลียม รำไพยอมค่ะ ดีใจจะตายที่เลิกกับยัยเคทนั่นได้" เผลอคะนองปากแล้วเจ้าตัวก็หน้าแดงซ่านเสียเอง

หลวงหาญฯ หน้าเจื่อนไปพอประมาณแล้วเลยเสไปคุยเรื่องอื่น พักหนึ่งพระยาเจนฯ ก็วกกลับเข้าเรื่องเดิมอีกจนได้ ว่านายจอร์จ บุชถูกเกลี้ยกล่อมให้จัดเลี้ยง "ไวท์ไท" สเตทดินเนอร์เป็นครั้งแรกของทำเนียบขาวในสมัยของเขา แถมยังต้องแต่งชุดทักซิโด้ที่เฒ่าลูกทุ่งอย่างเขาออกจะขยาด การตระเตรียมงานรับ รอยัลวิซิท ชุลมุนวุ่นวายไม่น้อย

ฝ่ายตกแต่งสถานที่ต้องเร่งบูรณะทำเนียบขาวให้งามผ่องทุกตารางนิ้ว ฝ่ายพิธีทางการทูตกริ่งเกรงเล็กน้อยว่านายบุชจะหลุดวาจาและกิริยาอันไม่บังควร ด้วยประธานาธิบดีสหรัฐผู้นี้เคยยกขวดน้ำกรอกใส่ปากในงานเลี้ยงอาหารกลางวันของยูเอ็นแทนที่จะรินน้ำใส่แก้วก่อนดังที่ผู้ได้รับการอบรมประพฤติปฏิบัติกัน อีกครั้งหนึ่งนั้นมีประจักษ์พยานพบเห็นนายบุชเคี้ยวก้อนขนมปังหยับๆ เต็มปากขณะกำลังคุยจ้อกับนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ นี่ยังไม่นับการตกเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกเมื่อผู้นำชาติมหาอำนาจคนนี้รีบกลืนขนมปังกรอบเพร็ทเซลแล้วสำลักติดคอจนหมดสติ!

ตามคู่มืออบรมจรรยามารยาทที่จัดเตรียมไว้ให้ นายบุชพึง แอดเดรส ควีนอลิซาเบธให้ถูกต้องว่า "Your Majesty" และเรียกเจ้าชายฟิลลิปพระสวามีว่า "Your Royal Highness" สำหรับเหล่าสุภาพสตรีนั้นจู่ๆ จะถือวิสาสะ เช็กแฮนด์ กับควีนไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะยื่นพระหัตถ์ออกมาให้สัมผัสก่อน และเมื่อใดที่พระองค์เสวยพระกระยาหารเสร็จ ทุกคนที่เหลือก็ต้องเสร็จตามทันที

เวลาแห่งการสังสรรค์ล่วงไปจนดึก ในที่สุดทุกคนในงานเลี้ยงของพระยาธุลีพิทักษ์ต่างยอมรับกันถ้วนหน้าว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากจะมีโอกาสร่วมโต๊ะเสวยกับสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 เป็นที่สุด จะเป็นอาหารหรือชาก็ไม่เกี่ยง


มุกหอม วงษ์เทศ

มติชน : คอลัมน์ คุยความคิด
วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10718

ที่มา : เดอะ ควีน

หมายเหตุ
ฮามาก...
อ่านแล้วให้นึกถึงว่าตัวละครยังหลงอยู่ในยุค " วิคตอเรีย " อย่างไม่ยอมโงหัวพยุงคอ ขึ้นมาจากอดีต....

ไม่มีความคิดเห็น: