วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ความเข้าใจผิดๆของคนไทยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์, และความจริงเพื่อให้สถาบันคงอยู่คู่กับชาติไทยตลอดกาล



ความเข้าใจผิด
สถาบันมีบุญคุณกับคนไทย เพราะทำให้ไทยเป็นเอกราช
ไม่ตกเป็นทาสเป็นเมืองขึ้นพม่า

ความจริง
ผู้ที่กอบกู้เอกราชของชาติไทยให้ไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าคือพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาถูกพระยาจักรีทำรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ6เมษายน 2325 แล้วสถาปนาราชวงศ์จักรีมาจนถึงทุกวันนี้ และไทยเกือบเสียเอกราชอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่2 แต่นายปรีดี พนมยงค์ นำประเทศไทยรอดพ้นสภาพการตกเป็นเมืองขึ้นหรือประเทศที่แพ้สงคราม โดยจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น ต่อมานายปรีดีถูกกลุ่มนิยมเจ้าใส่ความว่าเกี่ยวข้องกับร.8สวรรคต ต้องลี้ภัยไปถึงแก่อสัญกรรมในต่างประเทศ


ความเข้าใจผิด
สถาบันมีบุญคุณต่อคนไทยอย่างใหญ่หลวง เพราะในหลวงมีโครงการพระราชดำริมากมายช่วยคนไทยให้พ้นความลำบากยากจน

ความจริง
โครงการพระราชดำริไม่ได้ใช้เงินส่วนพระองค์ของในหลวงหรือสถาบัน แต่เป็นหน่วยงานราชการคือ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ-กปร. ใช้เงินงบประมาณจากภาษีของประชาชนในการดำเนินงาน
(ดูที่http://www.bb.go.th/budget/bu/blue51/25004.pdf)

กปร.มีหน้าที่สำรวจ ศึกษา วิเคราะห์และจัดทำแผนงานเกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ รวมทั้งพิจารณาและเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


ความเข้าใจผิด
ในหลวงและสถาบันเป็นผู้นำแบบอย่างความสมถะพอเพียง
คนไทยต้องเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท

ความจริง
สถาบันกษัตริย์ของไทยถูกนิตยสารForbesจัดอันดับให้เป็นสถาบันที่รวยที่สุดในโลก เหนือกว่าสุลต่านบรูไนซึ่งมั่งคั่งอันดับ2 เหนือกว่ากษัตริย์ของอาหรับที่มีบ่อน้ำมัน

(ดูที่ http://www.forbes.com/magazines/global/2008/0901/032_2.htmlและhttp://www.forbes.com/magazines/global/2008/0901/032.html)

ส่วนbloombergจัดให้ในหลวงเป็นนักลงทุนอันดับ1ในตลาดหุ้นไทย

(ดูที่http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20602005&sid=aZ0o4kBLphDs&refer=world_indices)

สามารถดูรายพระนามของในหลวงถือหุ้นใหญ่ของบริษัทต่างๆได้เช่น-http://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=SAMCO&language=en&country=US-

http://www.set.or.th/set/companyholder.do?...e=en&country=US-

http://www.set.or.th/set/companyholder.do?...e=en&country=US


ในด้านราชยานพาหนะนั้น ในหลวงและสถาบันไม่ได้มีเฉพาะโตโยต้าโซลูน่าคันเล็กๆ แต่รวมถึงรถยนต์มายบั๊คคันละ300ล้านบาท และเครื่องบินอีกนับสิบลำ ซึ่งใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจัดซื้อและจัดซ่อมบำรุง
(ดูที่นี่ http://th.wikipedia.org/wiki/เครื่องบินพระ...จพระเจ้าอยู่หัว)

นอกจากนั้นหากติดตามข่าวพระราชสำนักทางโทรทัศน์ช่วง2ทุ่มจะพบว่ามีบุคคลต่างๆที่เป็นพ่อค้า เศรษฐี หน่วยงาน คณะบุคคลได้เข้าเฝ้าถวายเงินเพื่อใช้สอยตามพระราชอัธยาศัยเป็นประจำทุกวัน หากเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ จะได้เฝ้าฯทุกวันอย่างนี้หรือไม่ เพราะไม่มีเงินมากมายไปถวาย

ดังนั้นคนไทยควรเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระองค์ท่านในด้านความมั่งคั่ง จึงจะถูกต้องตามความเป็นจริง


ความเข้าใจผิด
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นของชาติ
ไม่ใช่ของส่วนพระองค์ และจ่ายภาษี

ความจริง
เวปไซต์ของสำนักงานทรัพบ์สินฯที่ระบุไว้ดังนี้

เดิมสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อยู่ในความดูแลรักษาของสำนักงานพระคลังข้างที่ ในสังกัดสำนักพระราชวัง ต่อมา มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการยกเว้นภาษีอากรเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2477 โดยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ได้แบ่งแยกทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

*ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีอากร
*ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ซึ่งจะต้องเสียภาษีอากร

ส่วนว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของแผ่นดินหรือของพระมหากษัตริย์
กฎหมายระบุไว้ว่า

มาตรา 6
รายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในความดูแลรักษาของกระทรวงการคลังตามความในมาตรา 5 วรรคสองนั้น

เมื่อได้หักรายจ่ายที่จ่ายตามข้อผูกพันอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินเดือน (รวมทั้งบำเหน็จ บำนาญ ถ้ามี) เงินค่าใช้สอยเงินการจร และเงินลงทุนอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และรายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินพระราชกุศลออกแล้ว ให้นำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงใช้จ่ายในฐานที่ทรงเป็นประมุข

แต่ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมฉบับปี2491ว่า


มาตรา 6 รายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่กล่าวในมาตรา 5 วรรคสองนั้นจะจ่ายได้ก็แต่เฉพาะในประเภทรายจ่ายที่ต้องจ่ายตามข้อผูกพัน รายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินเดือนบำเหน็จ บำนาญ เงินรางวัล เงินค่าใช้สอย เงินการจร เงินลงทุน และรายจ่ายในการพระราชกุศลเหล่านี้ เฉพาะที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว เท่านั้น

รายได้ซึ่งได้หักรายจ่ายตามความในวรรคก่อนแล้ว จะจำหน่ายใช้สอยได้ก็แต่โดยพระมหากษัตริย์ ตามพระราชอัธยาศัย http://www.crownproperty.or.th/history.php


ดังนั้นความเข้าใจว่าทรัพย์สินเป็นของแผ่นดินจึงตกไปตามนัยกฎหมายนี้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับพระราชอัธยาศัย(แปลว่าตามที่ในหลวงจะเห็นสมควร ซึ่งก็คือเป็นสมบัติของท่านนั่นเอง)


ความเข้าใจผิด
คนไทยต้องสำนึกในบุญคุณของในหลวงและสถาบัน
เพราะท่านทำเพื่อคนไทยอย่างไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก

ความจริง
ประเทศไทยก็เช่นเดียวกันกับประเทศที่มีกษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขทั่วไป คือคนไทยเห็นความสำคัญของสถาบัน จึงมีการจัดสรรงบประมาณจากภาษีของประชาชนถวายแด่สถาบันเพื่อให้ได้รับความสะดวก และทรงงานเพื่อคนไทยผู้จ่ายภาษีปีละไม่น้อยกว่า2พันล้านบาท

เฉพาะที่จัดสรรให้แก่สำนักพระราชวังนั้นปีงบประมาณล่าสุด2,364.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.3% และยังไม่นับรวมกับที่อยู่ในหน่วยงานกระทรวง ทบวง กรม กองทัพต่างๆอีก ปีละไม่ต่ำกว่า6,000ล้านบาท
(ดูที่ http://www.bb.go.th/FILEROOM/CABBBIWEBFORM...00/00000038.PDF)


ทั้งนี้เงินงบประมาณที่จัดสรรให้สำนักพระราชวังสูงขึ้นทุกปี ดังนี้

ปี 2502--------32,836,049 บาท
ปี 2522-------126,185,900 บาท
ปี 2523-------141,151,100 บาท
ปี 2524-------165,683,100 บาท
ปี 2525-------184,922,000 บาท
ปี 2526-------235,286,000 บาท
ปี 2527-------312,911,700 บาท
ปี 2528-------281,435,000 บาท
ปี 2529-------340,980,000 บาท
ปี 2530-------387,734,790 บาท
ปี 2531-------358,685,300 บาท
ปี 2533-------450,372,100 บาท

ปี 2534-------517,515,900 บาท
ปี 2535-------623,176,400 บาท
ปี 2536-------829,365,200 บาท
ปี 2537-------815,711,600 บาท
ปี 2538-------933,229,700 บาท
ปี 2539-------907,461,000 บาท
ปี 2540-------944,400,000 บาท
ปี 2541-------987,516,500 บาท
ปี 2542-------961,575,400 บาท
ปี 2543------1,028,315,500 บาท
ปี 2544------1,058,540,000 บาท
ปี 2545------1,136,536,600 บาท
ปี 2546------1,209,861,700 บาท
ปี 2547------1,275,948,400 บาท

ปี 2548------1,501,472,900 บาท
ปี 2549------1,676,888,800 บาท
ปี 2550------1,945,122,400 บาท
ปี 2551------2,086,310,000 บาท
ปี 2552------2,364.6 ล้านบาท



ความเข้าใจผิด
สถาบันอยู่เหนือการเมือง จึงไม่ควรวิจารณ์ให้ขี้กลากกินหัว
ต้องวิจารณ์พวกนักการเมืองโกงกินจึงจะถูก

ความเป็นจริง
องค์ปัจจุบันอยู่ในราชบัลลังก์มา 61 ปีแล้ว ผ่านนายกรัฐมนตรี ผ่านบ้านเมืองมาหลายยุคหลายสมัย แม้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่พ.ศ.2475เป็นต้นมา แต่ดูเหมือนในทางปฏิบัติแล้ว ไทยยังเสมือนเป็นระบอบราชาธิปไตยอยู่ ดูได้จากการที่ทรงมีพระราชอำนาจลงนามแต่งตั้งทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ผู้บริหารระดับสูงในกองทัพ และหน่วยงานต่างๆ การจัดทำโครงการพระราชดำริต่างๆ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อของรัฐต่างๆ บางครั้งมีหลักฐานว่าอาจเข้ามาแทรกแซงการเมือง เช่น กรณีรัฐประหารปี2500ของจอมพลสฤษดิ์,การสนับสนุนให้จอมพลถนอมกลับประเทศไทย และเกิดกรณี6ตุลาคม2519 หรือกรณีพันธมิตรล่าสุดที่พระราชวงศ์ชั้นสูงไปงานศพของพันธมิตรเมื่อ13ตุลาคม2551 ในขณะเดียวกันเมื่อมีอำนาจในทางต่างๆ(โดยฉากหน้ามีประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งสลับ แล้วก็ยึดอำนาจรัฐประหาร โดยกองทัพมักอ้างอิงว่าเพื่อสถาบันอยู่เนืองๆ) แต่เนื่องจากมีกฎหมายอาญาควบคุมไม่ให้เกิดการวิจารณ์ใดๆ จึงทำได้แต่เชิดชูด้านเดียวเท่านั้น


*ความเข้าใจผิด
คนที่ไม่รักเทิดทูนสถาบันไม่สมควรอยู่เป็นคนไทย
ต้องไล่ไปอยู่ประเทศอื่นให้หมด

ความจริง
คนไทยรักและเทิดทูนสถาบัน ไม่มีใครคิดล้มล้าง หรือดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย แต่เพราะรักเทิดทูนอยากให้สถาบันกษัตริย์มั่งคงวัฒนาสถาวรคู่กับประเทศไทยไปตลอดกาล ขณะเดียวกันคนไทยก็ต้องการให้ประเทศพัฒนาไปทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศด้วย ซึ่งก็มีความจำเป็นอยู่มากที่สถาบันควรปรับปรุงให้สอดคล้องกับกาลสมัย เพราะหากยังเป็นแบบที่เป็นมา มีจุดอ่อนอยู่หลายข้อ แต่ไม่ปรับปรุง แต่ให้เชิดชูสอพลออย่างเดียว ห้ามวิจารณ์ ในที่สุดก็จะทำให้สถาบันเป็นสิ่งที่พ้นสมัยไปในที่สุด

ดังนั้นหากคนไทยรักเทิดทูนสถาบันในทางที่ถูกที่ควรก็สมควรต้องรักด้วยเหตุผลด้วย ไม่ใช่รักเพราะถูกปลูกฝังด้วยวิธีโฆษณาชวนเชื่อ เพราะจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระราชบัลลังก์เสียเองในอนาคต


อย่าว่าเราเจ้าข้าฯ..


ที่มา : เว็บบอร์ด"ฟ้าเดียวกัน" : ความเข้าใจผิดๆของคนไทยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์, และความจริงเพื่อให้สถาบันคงอยู่คู่กับชาติไทยตลอดกาล

หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อยากให้เหงื่อ พ่อแห้ง พักตร์แดงเรื่อ
องค์หน่อเนื้อ สละสุข ทุกข์ยังฝืน
หกสิบปี ที่ทรงงาน ทุกวันคืน
พ่อนั้นตื่น ทุกเวลา จนชาชิน
ลูกทั้งหลาย ได้พักผ่อน ตอนหกสิบ
องค์พ่อทิพย์ แปดสิบศก ยังผกผิน
ทำเพื่อลูก เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน
ทั่วโลกยิน ล้วนยกย่อง พ่อผองไทย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เหงื่อพ่อไหล อาบพักตร์ ประจักษ์แจ้ง
แผ่นดินแล้ง น้ำท่วมนอง พ่อมองเห็น
ลูกขัดแย้ง แย่งอำนาจ ชาติลำเค็ญ
พ่อยังเป็น ผู้ชี้แนว ให้แคล้วภัย
อยากให้พ่อ แย้มสรวล ทบทวนคิด
เศรษฐกิจ พอเพียง เอาเยี่ยงได้
ทั้งประหยัด ได้ประโยชน์ จดใส่ใจ
ธรรมชาติ รักษาไว้ ไทยอยู่ยืน