วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Thai crisis exposes class struggle : วิกฤตการณ์ของไทยคือการต่อสู้ทางชนชั้น



BBC News : Bangkok

Thai crisis exposes class struggle : By Jonathan Head ( 8 November 2008 )



วิกฤตการณ์ของไทยคือการต่อสู้ทางชนชั้น


ตีโต้-กลุ่มประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาขับเคลื่อนตีโต้ฝ่ายพันธมิตรโดยใช้สัญลักษณ์สวมเสื้อแดง

การประท้วงของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในชุดเสื้อเหลืองอย่างยาวนาน ได้ฉายภาพการเมืองไทยให้แจ่มชัดขึ้น

แม้จะพยายามกันอย่างหนัก และอ้างกันว่าการประท้วงดังกล่าวได้รับการหนุนหลังจากผู้มีอำนาจทางการทหาร และคนที่มีสัญลักษณ์เป็นบุคคลระดับสูงของประเทศ แม้โค่นล้มนายกรัฐมนตรีไปแล้ว1และขับไล่รัฐมนตรีให้พ้นตำแหน่งไปแล้ว2คน แต่ก็ยังไม่ช่วยให้การต่อสู้บรรลุผลได้อำนาจรัฐ หรือได้รัฐบาลของเหล่าพันธมิตร

ฝ่ายที่จัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ยังเป็นแนวร่วมกลุ่มก้อนของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้รับความนิยมในการเลือกตั้ง แม้ว่าจะน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็เป็นฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐไว้ได้

ที่สำคัญตอนนี้การขับเคลื่อนเพื่อตีโต้ด้วยกลุ่มพลังมวลชนก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยสัญลักษณ์การใส่เสื้อแดง

นี่เป็นเกมการแข่งขันที่อันตรายระหว่างปีกการเมืองที่แตกขั้วกันเป็น2ฝักฝ่าย เป็น”ซีโร่ซัมเกม”ซึ่งฝ่ายชนะก็จะกวาดเดิมพันไปหมด ขณะที่ฝ่ายพ่ายแพ้ก็จะสูญสิ้นทุกอย่าง

ทว่ามันอาจเป็นอะไรที่หนักหนากว่านั้น

มันคือความแตกร้าวของสังคมไทย เป็นความแตกแยกทางด้านภูมิภาค และโดยเฉพาะชนชั้น


พลังเสื้อแดง

เช้าวันจันทร์วันหนึ่ง บนริมถนนในจังหวัดอุดรธานี เมืองสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้เขตชายแดนประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเป็นพื้นที่ฐานที่มั่นสำคัญของมวลชนที่สนับสนุนทักษิณ

ขวัญชัย สาระคำ นักจัดรายการวิทยุ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนต่ออดีตนายกฯอย่างแข็งขัน จนถูกดำเนินคดีในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฐานพาพรรคพวกชมรมคนรักอุดรโจมตีกลุ่มพันธมิตรที่จัดกิจกรรมทางการเมืองขึ้นในจังหวัดอุดรธานี โดยเขาเน้นเปิดสายให้ผู้ฟังโทรศัพท์เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นออกอากาศ

สายแรกที่ออกอากาศเป็นหญิงสูงอายุ ซึ่งได้เตือนกองทัพว่า

”ฟังชั้นให้ดีๆพวกทหาร หากพวกแกกล้าจะทำรัฐประหารอีกครั้งหละก็ ลืมไปเลยว่าจะได้รับดอกกุหลาบแดงอีก เพราะชั้นจะแต่งชุดแดงทั้งตัว เสื้อแดง ชุดแดง ผมแดง กางเกงในสีแดง เสื้อยกทรงสีแดง ทาเล็บสีแดง แล้วกระโดดออกไปขวางรถถังของพวกแก เอาสิขับรถถังมาทับให้ชั้นตายไปเลย ชั้นเป็นแค่ผู้หญิงรากหญ้าคนหนึ่งคงไม่มีค่าอะไรหรอก”

อีกสายที่โทรเข้ารายการวิทยุก็มีเนื้อหาคล้ายๆกันนี้ เพียงแต่ดูว่าอารมณ์ลีลาจะไม่ขนาดนี้เท่านั้นเอง

ขวัญชัยได้พาพลพรรคชาวเสื้อแดงเดินทางไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมสำคัญที่กรุงเทพฯเมื่อ1พฤศิกายนที่ผ่านมาด้วย เพื่อที่จะประกาศศึกกับฝ่ายพันธมิตร เขากล่าวว่าไทยอาจหลีกเลี่ยงการหลั่งเลือดได้ยากในการฝ่าวิกฤตการณ์ทางการเมืองคราวนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นอาจเป็นสัญญาณของการต่อสู้ทางชนชั้น


แบ่งแยกมี-จน

“คุณก็ลองดูสิ ผู้ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรมีแต่คนมีการศึกษาดี”ชายคนหนึ่งพูดกับผมในที่ชุมนุมของพันธมิตร”แต่อีกฝ่ายที่ไปสนับสนุนรัฐบาลนั้นก็เห็นๆอยู่ว่าทั้งหมดนั้นไร้การศึกษา โดยเฉพาะพวกที่มาจากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

นี่เป็นรูปแบบของความคิดเห็นจากฝ่ายพันธมิตร คือประชาชนเรือนล้านที่เลือกนักการเมืองฝ่ายทักษิณนั้นหากไม่เพราะถูกซื้อเสียงติดสินบนก็เพราะความโง่เง่า ในที่สุดก็ได้นักการเมืองซื้อเสียงขี้โกงเข้ามาเต็มสภา และคนพวกนี้ต้องมาปกครองประเทศ รวมทั้งปกครองคนมีการศึกษาในเมืองหลวง

ทัศนะดังกล่าวสร้างความโกรธเคืองให้นางอ้นคำ รัตนสิงห์ ชาวนารายย่อยที่อยู่ในชนบทของจังหวัดอุดรธานี เธอออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ10ขวบก็จริง แต่เธอก็ภาคภูมิใจว่าได้ส่งเสียลูกของเธอ2คนไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย


ปฏิญญาจากท้องทุ่ง

"หากพันธมิตรไม่สามารถโน้มน้าวให้ฉันเห็นว่าการเมืองใหม่ของพวกเขาจะช่วยเหลือชีวิตคนรากหญ้าอย่างฉันได้อย่างไรบ้าง ฉันก็จะต่อต้านพวกพันธมิตรจนตราบลมหายใจสุดท้ายของฉัน”

อ้นคำ


“หากพันธมิตรไม่สามารถโน้มน้าวให้ฉันเห็นว่าการเมืองใหม่ของพวกเขาจะช่วยเหลือชีวิตคนรากหญ้าอย่างฉันได้อย่างไรบ้าง ฉันก็จะต่อต้านพวกพันธมิตรจนตราบลมหายใจสุดท้ายของฉัน”อ้นคำว่า”พันธมิตรต้องปฏิบัติต่อพวกเราด้วยการยอมรับกันด้วยสิ ไม่ใช่นึกจะบดขยี้คนอย่างพวกฉันไว้ใต้ตีนอย่างนั้น”

“ปัญหาของการเมืองไทยมันเป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้น”อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าว “เรามีช่องว่างอยู่มากระหว่างคนมั่งมีกับคนยากจน สำหรับคนยากจนนั้นพวกเขาไม่ได้รับอะไรจากรัฐมาเป็นระยะเวลายาวนาน ก็เป็นครั้งแรกที่ทักษิณเป็นรัฐบาลแล้วหยิบยื่นโอกาสเหล่านี้ให้แก่พวกเขา”โดยเฉพาะประชากรที่ยากจนในเขตภาคอีสานดูจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายของทักษิณมากกว่าใคร

ชาวบ้านในชนบทบอกว่านโยบายประชานิยมของทักษิณ ทั้ง30บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านละล้าน ทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก

แต่มากกว่านั้นที่พวกเขาชี้ให้ผมเห็นก็คือ-ศักดิ์ศรี พวกเขาบอกว่าทักษิณเสนอที่จะให้ความหวังในการปรับปรุงชีวิตของพวกเขา โดยไม่ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าพวกเขาเป็นแค่คนยากจน หรือคนเล็กคนน้อยต้อยต่ำที่ไม่มีเกียรติศักดิ์ศรี

ด้านมืดที่ทักษิณถูกวาดให้เป็นผู้ร้ายก็คือ มีผลประโยชน์ทับซ้อน ละเมิดสิทธิมนุษยชน จองหอง ดูจะไม่ค่อยสลักสำคัญนักสำหรับผู้สนับสนุนทักษิณ

ภาคอีสานถูกมองเป็นภูมิภาคที่เป็นตัวตลกบ้านนอกคอกตื้อของประเทศไทยมานาน เนื่องจากวัฒนธรรมและภาษาดูจะเหมือนกับทางลาวมากกว่าภาคกลางหรือกรุงเทพฯเมืองหลวง และเป็นภูมิภาคที่ส่งแรงงานราคาถูกอพยพมาอยู่เมืองหลวง

แต่นั่นเป็นคุณค่าหลักที่ทักษิณพลิกมาเป็นโอกาสในการสร้างฐานการเมืองของเขาในยุคทศวรรษ1990 นั่นก็คือคนอีสานไม่ใช่แค่แรงงานราคาถูก ไม่ใช่แค่พวกที่ดูตลกบ้านนอก แต่คือ”ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง”กว่า1ใน3ของประเทศไทย

ทักษิณเป็นนักการเมืองคนแรกที่เข้าถึงคนอีสานโดยตรงด้วยการขายนโยบายที่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของคนภูมิภาคนี้ มากกว่าแค่การทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นที่จะเป็นผู้คุ้มครองผู้ออกเสียงให้ ดังที่เคยเป็นมาก่อนหน้า

ด้วยการกระทำดังว่านั้น นับเป็นการปลุกเร้าพลังการเมืองใหม่ของภูมิภาคที่เฉื่อยเนือยให้ตื่นตัวขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่ว่าทุกวันนี้คนอีสานจะรู้สึกโกรธที่ได้ยินพันธมิตรในที่ชุมนุมกรุงเทพฯ กล่าวหาว่าคนอีสานขายเสียงให้พวกทักษิณด้วยความโง่ไร้การศึกษา

“หากใครยังคิดว่าคนอีสานก้าวตามทักษิณ ชินวัตรไปอย่างมืดบอด นั่นก็เป็นการคิดที่พ้นสมัยไปแล้วสำหรับคนในภาคเรา”พุทธกานต์ พานทอง นักการเมืองท้องถิ่นที่ไม่ใช่สายของทักษิณ บอกกับผม”ตอนนี้คนอีสานมีการศึกษาดีขึ้นมากแล้ว และพวกเขามีความรู้มีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าควรต้องเลือกใคร”


เนรเทศและสงครามกลางเมือง

การชุมนุมทางการเมืองของคนที่สนับสนุนทักษิณเมื่อ1พ.ย.ที่ผ่านมา ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน นับว่าเป็นการร่วมชุมนุมทางการเมืองที่มีคนจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ฝ่ายพันธมิตรจัดขึ้น โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การโทรศัพท์โฟนอินเข้ามาของทักษิณ ซึ่งเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า”พี่น้องยังจำผมได้อยู่ไหมครับ?ซึ่งในตอนนั้นมีน้ำตาด้วยความความปลื้มใจหลั่งท้นออกมานองหน้าฝูงชนในสนามกีฬา

ในวันนั้นจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองในค่ายทักษิณได้ออกมาร้องเพลงขับกล่อมผู้ชุมนุมด้วย เนื้อหาของเพลงเป็นการกล่าวถึงนักปฏิวัติหนุ่มที่พลัดพรากบ้านเมืองไป และยังไม่สามารถคืนสู่มาตุภูมิได้ เพลงที่จาตุรนต์ร้องเหมือนจะสื่อความหมายถึงทักษิณที่ตอนนี้อยู่ระหว่างเนรเทศตนเองไปจากประเทศ หลังถูกศาลตัดสินจองจำคุก 2 ปี หากเขากลับสู่แผ่นดินไทย

ข้างหลังจาตุรนต์บนเวทีมีผู้ถือป้ายว่า”NO MORE COUP”(ไม่เอารัฐประหารอีกแล้ว) นั่นดูจะเป็นคำเตือนมากกว่าคำขอร้องอ้อนวอน

ชายคนหนึ่งหันมาบอกกับผมว่า ‘ถ้าทหารทำรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ประเทศจะแตกเป็นเสี่ยง และต้องเกิดสงครามกลางเมืองอย่างแน่นอน'


โจนาธาน เฮด


แปลไทยจาก :
Thai E-News : นักข่าวชาวรากหญ้า


ที่มา : Thai E-News : BBC:วิกฤตการณ์ของไทยคือการต่อสู้ทางชนชั้น

หมายเหตุ
การเน้นข้อความ(บางส่วน)ทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

ไม่มีความคิดเห็น: