๐ อาชีพชาวนาไทย ไม่มีศักดิ์ศรี มีแต่ศักดิ์ขาว-ดำ (สีไว้ทุกข์)
๐ ตกอยู่ใน วงจรอุบาทว์ (โง่->จน->เจ็บ)
๐ โง่ เพราะ จน
๐ จน เพราะ โง่
๐ เจ็บกาย ไปหาหมอยา ก็ไม่มีเงิน เพราะ โง่+จน
๐ เจ็บใจ โดนโกง ไปหาหมอความ ก็เงินไม่มี เพราะ จน+โง่
๐ ทำนาปรังมีแต่ซังกับหนี้ ทำนาปีมีแต่หนี้ กับซัง
๐ จึงไม่มีใครอยากทำนา อาชีพชาวนาจึงถึงกาลวิสัญญี
๐ เมื่อไม่มีชาวนา ก็ไม่มีข้าว ไม่มีข้าวก็ไม่มีกิน
๐ ไม่มีข้าวกิน เงินก็ไม่มีความหมาย
๐ เพราะเงิน กินต่างข้าวไม่ได้
๐ ครั้นจะไปซื้อข้าวต่างชาติเขากิน ก็กินไม่อิ่ม
๐ เพราะทั่วโลกก็เกิด วิกฤตการ ขาดแคลนข้าว
ข้าวจึงเป็นสินค้าควบคุมพิเศษ
๐ รัฐบาลไทย จึงต้องตรากฎหมาย ให้ ชาวนาไทย เป็นข้าราชการ
๐ สังกัดกระทรวงชาวนาไทย
๐ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มีปลัดกระทรวง
๐ มีผู้อำนวยการโรงนาไทย
๐ มี 4 M's (Man ,Money ,Material และ Management)
๐ ผู้ที่จะเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงชาวนาไทย
ต้องสอบแข่งขันเพื่อรับการบรรจุแต่งตั้ง
๐ สอบทฤษฎี+ปฏิบัติ (ไถนา หว่านข้าว เกี่ยวข้าว ฯลฯ) สอบสัมภาษณ์ ผ่านการประเมินทางจิตวิทยา ผ่านการตรวจร่างกาย
๐ ผู้ที่จะประกอบวิชาชีพชาวนาไทยต้องมี ใบประกอบวิชาชีพ
๐ ข้าราชการกระทรวงชาวนาไทย มีขั้น
มีเงินเดือน +โบนัส+เดินทางดูงานต่างประเทศ
๐ มีสิทธิได้รับเครื่องราชฯ
๐ มีสิทธิอันพึงมีพึงได้ ที่ข้าราชการ พึงควรได้รับ
๐ อาชีพชาวนาจึงมีศักดิ์มีศรี (เปลี่ยนจาก จอขาวดำมาเป็นจอสี)
๐ อาชีพชาวนาไทย จึงเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เทียบเท่ากับ อาชีพหมอ
๐ เพราะข้าราชการกระทรวงชาวนาไทยมีหน้าที่รักษาชีวิตคนในชาติ
มิให้ตายอด ตายอยาก
๐ ถ้ามีปัญหาสมองไหลเกิดขึ้นในกระทรวงชาวนาไทยซึ่งปัญหาดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกระทรวงอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นกระทรวงสามานย์ เอ้ย กระทรวงสาธารฯ ซึ่งประสบภาวะปัญหา สมองไหล..
๐ กระทรวงสาธารฯ แก้ปัญหานี้โดย จัดตั้งโครงการ
ผลิตแพทย์เพิ่ม เพื่อชาวชนบท
๐ กระทรวงชาวนาไทยก็สามารถเลียนแบบนโยบาย จากกระทรวงสาธารฯ โดยการผลิตชาวนาเพิ่ม เพื่อชาวชนบท
๐ โดยการให้ทุนการศึกษาเล่าเรียน ..แต่มีข้อแม้ที่ว่า..หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้ว นักศึกษาจะต้องทำงานใช้ทุนที่กระทรวงชาวนาไทย 20-30 ปี
๐ แต่ถ้านักศึกษาจบออกมาแล้วยังไม่อยากใช้ทุน..จะขอใช้เงินแทน
การใช้ทุน.. ปัญหานี้ก็แก้ไขได้ไม่ยาก
๐ ก็แค่..ก่อนสมัคร..ให้นักศึกษากรีดเลือดสาบาน ...ว่า..เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะออกมาทำงานรับใช้ชาติบ้านเมือง ณ กระทรวงชาวนาไทย โดยมิเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
๐ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหา สมองไหล ได้ในระดับหนึ่ง...
๐ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็น ยูโทเปีย (Utopia) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจริงในอีกประมาณ 2,000-3,000 ปีข้างหน้า
กวิน
ที่มา : gotoknow.org : kelvin บล็อก : สังคมนิยมเพ้อเจ้อ (Utopia)
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
สังคมนิยมเพ้อเจ้อ (Utopia)
ผู้จัดเก็บบทความ เจ้าน้อย ณ สยาม ที่ 9:04 หลังเที่ยง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น