วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วิเคราะห์สถานการณ์ : สัญญาณบอกว่า...(สมศักดิ เจียมธีรสกุล) และความคิดเห็นในประชาไท (กระทู้ได้ถูกลบไปแล้ว)



(1) อาจจะเกิดการ split ใน P.C. หรือ/และ

(2) P.C. รู้สึกกันแล้วว่า ถ้าปล่อยสถานการณ์ต่อไป ทุกอย่างจะพัง

(หมายเหตุ: คำว่า P.C. ย่อมาจาก "..... Circles" ("แวดวง.....") ผมต้องขออภัย ที่ในบทวิเคราะห์สถานการณ์นี้ หลายจุด เขียนแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ ต้องเขียนด้วยภาษายุ่งยากนิดหน่อย)


ก่อนอื่น ขอบคุณคุณ "รากหญ้ามหาโหด" ที่โพสต์ข่าวนี้

ปธ.มูลนิธิราชประชาฯชี้รัก"ในหลวง" แนะให้อยู่บ้าน ไม่ออกแสดงพลัง กองทัพแจงปชช.แตกแยกทรงไม่สบายพระทัย ( มติชนออนไลน์ )


ผมเห็นว่าสำคัญมาก การที่ ดิศธร วัชโรทัย ออกมาประกาศว่า

"ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ
รับพระราชกระแสมาเอง"

ผมเชื่อว่า (ก) ถ้าดิศธร ไม่ได้ "รับพระราชกระแสมาเอง" คงไม่กล้าประกาศอย่างนี้และ (ข) แสดงว่า ในหมู่ P.C (หรืออย่างน้อย "บางส่วน" - ดูข้างหน้า) รู้สึกว่า ที่ผ่านมา คนที่ให้ออกมาพูด ยังไม่ทำให้คนเชื่อได้ว่า เป็น "ตัวจริงเสียงจริง" หรือมิฉะนั้น ก็ (ค) ตระหนักว่า ที่ผ่านมา มีการ "พูดในนาม" .... โดยไม่ใช่ "ตัวจริงเสียงจริง"

ดิศธร (หรือ P.C บางส่วน หรือ ทั้งหมด) กำลังพาดพิงถึงใคร ทีว่า ไม่ใช่ "ตัวจริงเสียงจริง"? ถ้าหมายถึง (ค) ก็แน่นอนว่า คงหมายถึง สนธิกับพันธมิตร และอาจจะ "บางคน" ที่ออกมาสนับสนุนพวกเขาก่อนหน้านี้

แต่ที่น่าสนใจคือ ถ้าหมายถึง (ข) ผมคิด่วา แสดงว่า ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ สุเมธ-บวรศักดิ์ และ เปรม ออกมาเรียกร้องทำนองให้ "สามัคคีกัน" หรือให้หาทาง "ยุติการทะเลาะกัน" นั้น และอาจจะหมายถึง "บางการให้สัมภาษณ์" ("certain interview") ที่สหรัฐด้วย เป็นการออกมาอย่างจงใจ แต่ดิศธร และ P.C. (บางส่วนหรือทั้งหมด) รู้ตัวว่า คนเหล่านี้ ยังไม่สามารถทำให้คนทั้งหลาย (พันธมิตร พวกต่อต้านพันธมิตร ประชาชนทั่วไป) เชื่อได้ เพราะอาจจะรู้สึกว่า ยังไม่ใช่ "ตัวจริงเสียงจริง" พอ


ทั้งหมดนี้ แสดงว่าอะไร? ผมขอเสนอดังนี้


(1) แสดงว่า มีความเป็นไปได้ ที่จะเกิดการ split ใน P.C จริง

เรื่องนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมจงใจไม่พูดถึง เพราะผมเห็นว่า ในทางการเมือง ความแตกต่างระหว่างความเห็น หรือท่าทีการแสดงออกมาใน P.C ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หรือถึงใช่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ พูดง่ายๆคือ พยายามวิเคราะห์ไป ก็ปวดหัวเปล่าๆ เพราะจำกัดในแง่ข้อมูลที่จะใช้ยืนยัน/สนับสนุน/พิสูจน์ มองในแง่ประวัติศาสตร์ระยะยาว หรือ ในภาพประวัติศาสตร์ที่กว้างออกไป "ความแตกต่าง" (หรือ ความเป็นไปได้ของความแตกต่าง) เหล่านี้ ล้วนแต่ต้องถือเป็น การแทรกแซง/บทบาททางการเมืองของ P.C. ในฐานะ "สถาบัน / พลัง ทางสังคม-การเมือง" หนึ่งเดียว ทั้งสิ้น

แต่สถานการณ์ดูเหมือนจะแหลมคมมากขึ้น จนจำเป็นต้องพูดบ้าง โดยเฉพาะใน 2-3 วันนี้ เมื่อครั้งที่มี "บางการสัมภาษณ์" ผมยังรู้สึกว่า พูดไม่ได้ เพราะพูดไปก็เหมือนเดามากเกินไป (ต้องสารภาพว่า ผมโน้มเอียงไปในทางที่รู้สึกว่า เป็น "เรื่องฟลุ๊ก" หรือ "ไม่ตั้งใจ" ไม่น้อย) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน 2-3 วันนี้ ที่สะกิดใจผม ในการออกมาของ บวรศักดิ์ และ สุเมธ คือ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ในเชิงการงานกับพระเทพฯ บวรศักดิ์ เป็นประธาน ศูนย์สิริธร สุเมธ เป็นเลขาฯมูลนิธิชัยพัฒนา ที่พระเทพ เป็นนายกฯ

ท่าทีของบวรศักดิ์-สุเมธ และ response ของสนธิพันธมิตร (ซึ่งเซอร์ไพรส์ ไม่น้อย ในระดับความรุนแรง) แกนนำพันธมิตรทุกคน ที่ขึ้นพูดวันที่ 27 ตุลาคม ล้วนโจมตีสุเมธ-บวรศักดิ์ อย่างดุเดือดมากๆ และล่าสุด การออกมาของดิศธร นี้ ทำให้ผมรู้สึกว่า อาจจะเกิดการ split จริง นั่นคือ บางส่วนของ P.C (ดังที่รู้กัน) ได้ให้การสนับสนุนพันธมิตร จนทำให้บางกลุ่มรู้สึกว่า สถานการณ์กำลัง "หลุดจากการควบคุม" (getting out of hand / control) คือ กำลังทำให้สถานภาพของ P.C โดยรวม อยู่ในอันตราย จึงออกมาเบรก และทำให้ส่วนที่สนับสนุน (และพันธมิตรทีได้รับการสนับสนุน) ไม่พอใจและตอบโต้

ความจริง ในประวัติศาสตร์ การ split ใน P.C (ไม่เพียงในประเทศไทย) เป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้น ถ้าสถานการณ์แหลมคมมากๆ (แม้แต่การแตกต่างระหว่าง จำลอง สนธิ ในเรื่องการ response ต่อ สุเมธ ก็กล่าวได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของความแหลมคมของสถานการณ์ขณะนี้)

แต่ขณะเดียวกัน ผมยังไม่ปักใจ 100% และเสนอว่า ไม่ควรปักใจ 100% ว่า มีการ split จริงๆ อาจจะเป็นเพียงการแสดงออกทีแตกต่างกัน ในสถานการณ์ทีแตกต่างออกไป เช่น หลัง "กรณี 13 ตุลาคม" แม้แต่ P.C. ที่อาจจะเคยสนับสนุนพันธมิตรร่วมกัน ก็อาจจะรู้สึกว่า "ไปไกลเกินไป" แล้ว

ผมอยากย้ำว่า ในความเห็นของผม ต่อให้มีการ split จริง ในการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์โดยรวม ไม่ทำให้แตกต่างกัน คือยังคงเป็น "การแทรกแซงทางการเมือง" ของ P.C. ในฐานะกลุ่ม/พลังทางสังคมหนึ่งเดียวกัน


(2) แสดงว่า รู้สึกกันใน P.C ว่า ถ้าปล่อยสถานการณ์ต่อไป ทุกอย่างจะพัง ควร call a halt คือ หยุดแค่นี้ ได้แล้ว

ผมคิดว่า ข้อนี้ไม่ยากในการอ่าน นั่นคือ การที่จู่ๆดูเหมือนจะมี urgency (ความรีบร้อน) ให้ "หยุดทะเลาะกัน" ให้ "สามัคคีกัน" ก็เพราะรู้สึกกันใน P.C ไม่ว่าจะอย่างเป็นเอกภาพ หรือ อย่างแยกกัน คือบางส่วน ว่า เรื่องนี้ถ้าปล่อยไป จะ "พังกันหมด"


สิ่งที่แน่ๆที่ผมคิดว่าสามารถสรุปได้ (ใครๆน่าจะดูออก) คือ

โป๊กเกอร์ Casino Royale ครั้งนี้ ทั้ง "เดิมพัน"
และ "ผู้เล่น" สูงขึ้นๆ ทุกทีแล้ว

(ดังที่เคยบอกแล้วว่า ผมเล่นโป๊กเกอร์ หรือไพ่ชนิดไหน ไม่เป็นทั้งสิ้น แต่ชอบดู โดยเฉพาะ Casino Royale นี่ชอบดูมาก ... อ้อ Quantum of Solace เพิ่ง world premiere ที่ลอนดอน เมื่อคืนนี้ พร้อมการกลับมาของ Q และ Money Penny เห็นว่านักวิจารณ์บางคนที่ดูแล้ว ไม่ชอบมากๆ Bond ตอนนี้ - กำลังรอดูในเมืองไทย โฆษณาให้ฟรีๆนะเนี่ย)

ในสถานการณ์ที่ "เดิมพัน" สูงขึ้นๆ เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจ ที่มีกระแส "ให้ปราบผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยเด็ดขาด" นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ผมคิด่วา เป็นที่รู้สึกกันในหมู่ "ชนชั้นนำ" (elite) (P.C และอื่นๆ) ว่า ถ้าปล่อยสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป โดยไม่พยายาม "ยั้ง" ไว้ ... ทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้ การปราบปราม คราวนี้ จึงอาจจะเป็น "ตัวจริงเสียงจริง" หรือ "ของจริง" (ไม่ใช่แค่ขู่ / เงื้อง่าราคาแพง)

อีกอย่างที่ผมคิดว่า จะไม่น่าแปลกใจคือ ถ้าภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้ คนที่ออกมา เรียกร้องให้ "หยุด" จะไม่จำกัดที่ ดิศธร ......


สมศักดิ เจียมธีรสกุล



ความเห็นเพิ่มเติม
(จากผู้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ซึ่งมีความน่าสนใจในหลายความเห็น หากแต่ว่ากระทู้นี้ได้ถูกลบไปแล้วจากบอร์ดประชาไทแล้ว) [เจ้าน้อย.. ]


ผู้แค่เพียงต้องการแสดงความคิดเห็น คนที่ 1

อ.ผมเชื่อในข้อ 2 มากกว่าครับ ตอนนี้ใครก็ประเมินได้ว่าหากปล่อยไปเรื่อยๆ จะทำให้พังอย่างแน่นอน

แต่ปัญหาตอนนี้มันไปไกลเกินกว่าจะมาเรียกร้องความสามัคคี ความสมานฉันทน์แล้วครับ ผมว่าต่อให้ไม่ใช้ตัวแทน แต่ออกมาพูดเอง มันก็ไม่จบอย่างแน่นอน

เพราะ "ตอนนี้เกิดรอยแยกขึ้นใน ใจของคนแล้วครับ"

สิ่งที่จะทำได้คือ "หยุดการรุกต่อทักษิณทุกอย่าง" และหยุด "การยุบพรรค พปช. " ในทันที

หากยังทำสิ่งเหล่านี้อยู่ ต่อให้ออกมาเรียกร้องความสามัคคี ความสมานฉันทน์ มันก็ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

การยุบพรรคนั้นแม้กระทบต่อ กลุ่มทักษิณบ้าง แต่ไม่มากเท่าที่ควร เพราะมีทางแก้ไขแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้เป็นการกระทำที่ไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำไป แต่จะสร้างผลเสียต่อ "ฝ่ายโน้นมากกว่า"

หากยังรุกทางการเมืองต่อ แต่ปากออกมาเรียกร้องความสามัคคี ความสมานฉันทน์ มันก็เหมือนกับหนังเรื่อง Mars attack นั่นแหละครับคือ มนุษย์ต่างดาวปากเรียกร้อง Peace,.Peace... แต่มือก็ถือปืนแสงไล่ฆ่ามนุษย์ไปเกือบหมดโลก

ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่การพูด การเรียกร้อง แต่ต้องการการกระทำ

คดีทักษิณยังไม่เท่าไหร่ แต่ "เรื่องการยุบพรรค การรุกทางการเมืองต่างๆ นี่" คือ การทำลายความนิยมความนับถือการทางใจโดยแท้"

ยิ่งออกมาเรียกร้องความสามัคคีในตอนนี้ คนก็ยิ่งเข้าใจผิด และเดือดดาลมากขึ้น เพราะคนจะคิดว่า พันธมิตรกำลังเพลี่ยงพร้ำทางการเมือง ก็เลยออกมาเรียกร้องให้ "สีแดงที่กำลังเดือดพล่าน" ให้หยุด

พธม. ป่วนเมืองตั้งนาน ดันไม่ออกมาส่งสัญญาณอะไรเลย

พอสีแดงเริ่มเดือดขึ้นมา ต่างออกมากันระนาว

มันยิ่งสร้างความเคลือบแคลงมากกว่า

เรียกว่า "ตอนนี้วัดดวงทิ้งไพ่ใบสุดท้ายกันเลยทีเดียว"

แต่ผมไม่คิดว่าจะได้ผลอะไร และ Over Estimated พลังของตนเองมากเกินไปวิกฤตการณ์ทางการเมืองกว่า 3 ปี ทำให้คนสรุปอะไรไปเยอะแล้ว คนเรียนรู้เยอะแล้ว มนต์ตรามที่เคยขลังก็ไม่ขลังแล้ว


คำพูดที่ว่า รัก...ให้สามัคคี ผมว่ามันไม่ขลังแล้ว

บอกตรงๆ สำหรับผม ไม่เหลือความรักให้แล้ว


ลูกชาวนาไทย (1)



ผู้แค่เพียงต้องการแสดงความคิดเห็น คนที่ 2

พวกเขาเลยเถิดกันมามาก..

มากในชนิดที่ไม่น่าเชื่อมันจึงดูแปลกๆ แปล่งๆ อย่างไรชอบกล.....

หากเป็นนักพนันพวกเขาน่าจะประเภท...

เซียนเรียกพ่อมันยิ่งกว่าการเป็นทั้งเจ้าของบ่อน
และเจ้ามือเองทั้งลงแทงเป็นหน้าม้าเอง...

แบบว่าเอาทุกอย่างจะเซียนเหยียบเมฆ แน่ๆที่ไหนมา
ดูแล้วไม่มีทางที่ทางที่จะโค่นล้มเขาลงได้เลย....

ในอดีตมีให้เห็นเขาโค่นเซียนปราบเซียนมาเป็นว่าเล่น...

สร้างเกมส์เองก็เอาฉนั้นจึงดูแปลก...

แปลกที่เกมส์นี้เขาเล่นแบบนี้ได้อย่างไรหากจะบอกว่า ลูกน้อง คนข้างเคียง แอบลงมาเล่นหรือแอบยึดอำนาจของตัวจริงเสียงจริงไป ซึ่งก็..

ไม่น่าที่จะเชื่อได้จริงๆว่าเขาพลาดให้คนเหล่านั้น เข้ายึด..

อย่างไรผมก็ไม่เชื่อเพราะเห็นชัดๆว่า
เขาลงมาสั่งผู้คุมเองให้เล่นตามกฏ...

แต่ไงกฏของเขามันไม่ใช่กฏปกติ...

จนผู้เล่นบ่นกันพรึมดังลั่นบ่อน...

เขาก็ยังเฉยไม่ได้ยิน ทั้งๆที่น่าจะได้ยิน...

แล้วตอนนี้จะว่ามีสัญญาณออกมาให้ถอย เพราะพังแน่...

มันจะทันละหรือ........

ท่านขอรับ


ชอลิ้วเฮียง


ผู้แค่เพียงต้องการแสดงความคิดเห็น คนที่ 3

ความจริงวิเคราะห์ไม่ยากเลยเมื่อ นาย ออกมาเล่นเอง แต่กระแสกลับตกฮวบฮาบอีกทั้ง สีแดง กลับยิ่งฮึกเหิม ท้าทายอำนาจร้องท้า กองทัพ เส็งเคร็ง ออกมายึดอำนาจมีการ หมิ่นฯ เกิดขึ้นทั่วประเทศ

เดาไม่ยาก หลายตัวในฝ่ายอำมาตย์ เริ่มเห็นลางเริ่มปอดแหก คิดหาทางเอาตัวรอดเชื่อว่าความเป็นเอกภาพคงหายากสำหรับกองทัพที่กำลังล่าถอยอย่างไม่เป็นกระบวน

บางคนพยายามให้*****เป็นแพะ
บางคนพยายามรักษาหน้านายชุลมุนวุ่นวาย

ผมขอคอมเม้นท์ ข้อเขียนนิดหน่อย

"
ผมเห็นว่าสำคัญมาก การที่ ดิศธร วัชโรทัย ออกมาประกาศว่า

"ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ
รับพระราชกระแสมาเอง"

"

แล้วแบบนี้แปลว่า ที่พูดที่งานศพ โกหกหรือ เรื่องเงินหากไม่ออกมาพูดเอง ให้ลิ่วล้อชั้นต่ำออกมาเถียงกับเมียไม่มีประโยชน์อะไรเลย


"
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน 2-3 วันนี้ ที่สะกิดใจผม ในการออกมาของ บวรศักดิ์ และ สุเมธ คือ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ในเชิงการงานกับพระเทพฯ บวรศักดิ์ เป็นประธาน ศูนย์สิริธร สุเมธ เป็นเลขาฯมูลนิธิชัยพัฒนา ที่พระเทพ เป็นนายกฯ

"

มองกลับกันผมก็ถามได้ว่า แล้วที่ ไอ้ 2 ตัวนี่ออกมาสนับสนุนกบฏอย่างเต็มที่ พระเทพ สั่งมาหรือ สนับสนุน งั้นหรือ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรไว้ใจสถานะการณ์เป็นอย่างยิ่งทั้งหมดอาจเป็นกลลวงให้ตายใจ แล้วระดมกำลังใช้อำนาจเถื่อนเข้าห้ำหั่นอีกครั้ง


cromwell


ผู้แค่เพียงต้องการแสดงความคิดเห็น คนที่ 4

ผมเคยแสดงความเห็นไปหลายครั้งแล้วว่าในที่สุดก็ไม่มีใครมาสั่งหยุดสนธิได้ เขามาไกลเกินกว่าจะหยุด

มันมีความจำเป็นที่หยุดไม่ได้ เพราะมีคดีมากมายรอเขาอยู่

ตอนนี้ เขามีสาวกมากมาย มีกองกำลังที่สับสนุน และมีแนวร่วมที่แสดงตัวแล้ว เช่นพรรคประชาธิปัติย์และที่ยังไม่แสดงตัว จนคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นระบอบใหม่ ตามที่พวกเขาต้องการได้

เขากำความลับของผู้ที่อยู่เบื้องหลังไว้เป็นตัวประกัน ถ้าหักหลังเขา หรือขัดใจ เขาก็พร้อมที่จะแฉมันออกมา

ตอนนี้ ความแตกแยกเกินที่จะประสาน ผู้ที่ถูกสกดจิต ล้างสมองมานาน ตอนนี้ เอาข้อมูลอะไรไปยัดก็ไม่เข้า

พอเห็นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เริ่มเติบใหญ่ขึ้น เริ่มไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว เริ่มจะตอบโต้ด้วยวิธีการเดียวกัน

ดาหน้ากันออกมานอนนี้ มาช้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่มา

เพียงแต่ว่า มาแล้วจะทำอะไรได้ ทางฝ่ายต่อต้านน่ะคุยง่ายเพียงแต่ขอให้ท่านไปคุยกันพันธมิตรให้รู้เรื่องก่อน ว่าที่ทำลงไปนั้นมันผิดกฎหมาย ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนแตกแยก เกิดความไม่สงบสุข และเดือดร้อน


ott


ผู้แค่เพียงต้องการแสดงความคิดเห็น คนที่5

๑ = ๒ or ๒ = ๑

and ๑ + ๒ = ๐

กรุณาอย่าหลงกลมุขตื้นๆ ที่เขาเล่นละครให้ดูมาตลอด 60 ปี

สีแดงยังไม่ชนะ ยังไม่ใช่ปีสองปีนี้ อีกหลายปี กว่าจะชนะ

เพียงแต่วันนี้ เสื้อแดง และคนรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมา 60 ปีมากเกินไป เขาต้องยอมถอยเพื่อรอ และสร้างศรัทธาขึ้นมาใหม่อย่างเป็นกระบวนการและเตรียมรุกกลับเมื่อโอกาสมาถึง ถ้ามีการสมานฉันท์ จะมีการระดมสรรพกำลังสร้างศรัทธาขึ้นมาใหม่ ด้วยกระบวนการและพิธีการต่างๆ มากมาย รวมถึงการอาจเปลี่ยนตัวเล่นใหม่

ประชาชนที่รู้ความจริงและใส่เสื้อแดง จะถอย แล้วลืม เหมือนที่คนไทยเคยลืม ให้เขาสร้างศรัทธาใหม่ แล้ว ตีกลับหรือไม่

เดิมพันมันสูงนัก ถึงสิ้นตระกูล สิ้นสมบัติ สมบัติในตลาดหุ้น มูลค่าลดเหลือ 1ใน 3 แล้วตอนนี้ และที่ดินก็ขนไปเมืองนอกไม่ได้ เดิมพันมันสูง ต้องถอยก่อน เพื่อรอเวลา เขายังไม่ยอมแพ้แน่

เดิมพันประชาธิปไตยก็สูงนัก เพื่อนพ้องน้องพี่เสื้อแดง อย่าหลงกลนี้ ถ้าไม่คิดรักษาประชาธิปไตยเพื่อพวกเรา ก็คิดถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลาน อย่าให้เขาต้องตกอยู่ใต้อิทธิพลนอกระบบ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เหมือนที่คนรุ่นปู่ รุ่นพ่อ และรุ่นเราเผชิญมาตลอด 60 กว่าปี


ไทยชน


ที่มา : บอร์ด"ประชาไท" : วิเคราะห์สถานการณ์ : สัญญาณบอกว่า (1) อาจจะเกิดการ split ใน P.C. หรือ/และ (2) P.C. รู้สึกกันแล้วว่า์

หมายเหตุ
การเน้นข้อความในส่วนของผู้แสดงความคิดเห็น ทำโดยผู้จัดเก็บบทความ

ไม่มีความคิดเห็น: