วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าเช้านี้ที่สวนหลวงร.9 : ชาวบ้านเค๊าช่างกล้าจริงๆ ผมหละกลัวใจ


ผมเห็นฝนตั้งเค้า
เลยเปลี่ยนใจไม่ออกรอบตีกอล์ฟอย่างที่เคยทำทุกวันอาทิตย์

ไปวิ่งที่สวนหลวงร.9ดีกว่าวันนี้ ว่าแล้วก็ชวนกิ๊กไปหนุงหนิงๆ...

วิ่งไปได้ซีก10กว่านาที ฝนตกจริงๆซะด้วย เลยได้แวะศาลาน้อยครับ มีพวกคนงานของสวนหลวงนะซัก5คนใส่ชุดเขียวปรื๋อเลย แล้วก็ตาลุงคนนึง กวักมือเรียกว่า มาหลบฝนด้วยกัน

ผมกับกิ๊กก็บิดเอวเอ๊กเซอร์ไซส์ไปพลางๆรอฝนซา พวกคนงานที่ทำสวนในสวนหลวงก็คุยกัน คือพวกนี้อยากบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่กทม. หากได้บรรจุก็จะได้เป็นประมาณขรก.ซี3อะไรประมาณนี้ แล้วก็มีนินทาเจ้านายพวกซี5ซี6กันไปตามเรื่อง

ส่วนตาลุงคงนั่งฟังมานานมั๊ง แต่พวกคนงานเรียกแกด้วยความนับถือ
(เห็นว่าแกมาจ๊อกกิ้งที่นี่ประจำ พวกคนงานเลยรู้จักแกดี)อายุคะแนดูน่าจะเกษียณอายุมาหลายปีแล้ว ก็เลยบอกพวกคนงานว่า แกผ่านมาหมดแล้วเรื่องซีเรื่องขั้นอย่าไปจริงจังอะไรให้มาก คนเราก็เหมือนลิเก ตอนมีบทบาทหน้าโรงก็ร้องกันไปว่าเป็นตัวพระตัวนาง ตัวพระราชา เป็นยาจก พอปิดวิกก็ลงมากินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน

"พูดเรื่องกินแล้วในโลกนี้มันกินกันทุกคน พระเรียกว่าฉัน นักการเมืองเรียกว่าเปอร์เซ็นต์ เจ้าเขาเรียกว่าเสด็จพรนะราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย"

ตาลุงว่า...ผมต้องหันขวับมาดู คิดในใจว่าอ้าวเฮ้ย!เล่นแรงไปมั๊ย?

พอดีตรงศาลาน้อยที่เราหลบฝนกันอยู่ มันติดกับคลอง มีบัวอะไรไม่รู้ใบบานแบบกระด้ง แล้วก็มีกังหันหนะนะ แกชี้ไป "ก็ยกกันจังว่าเก่งกล้าสามารถ ดูกังหันชัยโกหกนั่นปะไร ปู้โธ่! ผมก็ยังเห็นน้ำในสวนหลวงเน่าไม่หยุด"...พวกคนงานเสื้อเขียว1ใน5คนนั่นรับว่า"จรืงครับ" แต่บอกว่าเหตุที่น้ำเน่าเพราะเขาไม่ให้เปิดเพราะกังหันที่ว่านี่กินไฟ แต่ถ้าเปิดก็ช่วยได้บ้างบริเวณใกล้ๆกังหัน


"บ้านเมืองเรามันไม่เจริญหรอก เขาอยากให้คนจนยังจนต่อไป ให้คนโง่ก็โง่กันต่อ"ลุงแกปราศรัยแข่งกับสายฝน(สาบานได้ว่าผมนิ่งเงียบตลอด ไม่สอดไม่แทรกซักคำ) "เวลาไปเยี่ยมทีก็ปูผ้าแดง เอาผ้าเช็ดหน้าให้เหยียบแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าไปปกหัวว่าเป็นบุญคุณเป็นล้นพ้น แล้วเป็นยังไงไอ้พวกพันธมิตรมันไปบุกยึดบชน.ตายขึ้นมา สีฟ้าก็พาลูกสาวปากสวยไปงานศพ มันสมน้ำหน้าพวกเรามั๊ย?"โอ้โฮ...สะดุ้งครับ ทั้งคนงานและผมกับกิ๊กนะ ไม่นึกว่าลุงแกจะเล่นแรงยังงี้

ฝนยังไม่ซาดีหรอกครับ พอมีเม็ดอยู่ กิ๊กผมรีบสะกิดว่าไปเหอะ แกชักแรงขึ้นเรื่อยๆ เด่วพวกคนงานสวนหลวงฯเกิดเอาเรื่องขึ้นมาจะยุ่งเอา แต่พวกคนงานเหล่านั้นผมสังเกตดูก็ฟังแกเป็นปกติครับ ไม่มีใครด่าแกซักคำ แถมมีรับลูกด้วยเวลาแกด่าสนธิลิ้มแรงๆนะ (แต่ตอนแกด่าของสูง พวกนั้นจะก้มๆหลบๆตาแก)

กิ๊กผมบอกว่าลุงช่างกล้าขนาดนี้ ไม่ไปขึ้นเวทีความจริงวันนี้หรือเวทีนปช.หละ แกบอกว่าแกไม่ขึ้นเวทีไหนทั้งนั้น แกไม่ใช่พวกใคร แต่ที่เห็นๆอยู่ตอนนี้มันเหลืออด โดยเฉพาะงานศพที่เพิ่งผ่านมาเนี่ย (แล้วแกก็เวียนด่าอีกรอบ แต่ชักจะแรงขึ้นเรื่อยๆ)

ผมได้แต่คิดในใจว่า โอ้โฮเว้ย อย่างพวกเรามาพูดกันในฟ้าเดียวกันนี่ก็แบบว่าแอบๆแล้วนะ นี่ลุงแกเล่นเปิดปราศรัยด่าให้คนแปลกหน้าอย่างผมฟังไปแล้วเหรอวะเนี่ย...ของเค๊าแรงจริงๆ


กิ๊กผม..เธอเป็นยอดมนุษย์



เพิ่มเติม..
ความเห็นจากผู้อ่าน


อ่านแล้วรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จับที่จริงๆ ไม่ได้ซักประเด็น ทั้งเรื่องโดยเสด็จพระราชกุศลฯ(มันต่างจากการโกงของนักการเมือง องค์ประกอบไม่เหมือนกันทีเดียว เพราะนั่นเขาโกงเงินแผ่นดิน แต่บริจาคโดยเสด็จฯ เงินปชช.เขาถวายเอง) เรื่องทำให้คนไทยโง่ จะได้ปกครองนานๆ (ลองดูโครงการที่ริเริ่มโดยเจ้านาย หลายอย่างส่งเสริมให้ปชช.มีความรู้ ทั้งสารานุกรม โครงการทุนเล่าเรียนหลวง ทุนอานันท์ ศึกษาผ่านดาวเทียมฯลฯ) มีอยู่เรื่องนึงที่พอจะไปวัดไปวาได้ ก็เรื่องงานศพพันธมิตรนั่นแหละ อันนี้ผมยอมรับ "สีฟ้า" ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือโดยทำตามคำยุยง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งนี้ "พลาด" ไปแล้วจริงๆ

guaycheng


การเมืองเรื่องการบริจาคเงินมีแน่นอน วันใดที่คุณเจ๋งออกไปทำงานจะเข้าใจทางวังจดบันทึกไว้ ว่าใครจ่ายเท่าไหร่ บริษัทหน่วยงาน องค์กร สามารถเอาใบเสร็จไปหักลดภาษีได้ และเอาไปขอเครื่องราดได้ด้วยเรื่องการหักลดภาษี คุณบริจาึคให้ครอบครัวหนึ่งเข้ากระเป๋า แต่ทำให้รัฐหาเงินมาอุดหนุนได้น้อยลง มันชอบธรรมหรือไม่ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่หน่วยงานต่างๆแข่งกันทำโน่นทำนี่ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดแล้วจะทำให้ธุรกิจของเขาดำเนินไปอย่าง "ง่าย"ขึ้น เมื่อมีผู้สนับสนุน เรื่องนี้มีการคอรัปชั่่นอย่างแน่นอน โครงการที่คุณเจ๋งว่ามารู้ได้อย่างไรว่าริเริ่มโดยใคร ดำเนินไปได้โดยใครบ้าง ใช้งบไปเท่าไหร่ เอาเงินมาจากไหน (เกือบทั้งหมดมาจากรัฐ) มัวแต่ดูรายการสารคดีแล้ว แล้วก็เชื่อๆๆๆๆตามนั้น โดยหาได้วิเคราะห์ หรือคิดให้ถี่ถ้วน

magical


ที่มา : เวบบอร์ด"ฟ้าเดียวกัน" : เรื่องเล่าเช้านี้ที่สวนหลวงร.9, ชาวบ้านเค๊าช่างกล้าจริงๆ ผมหละกลัวใจ


หมายเหตุ
ผมว่าในเรื่องที่คุณกิ๊กฯเล่ามานั้น(โดยส่วนตัวผมเองเชื่อใจในความคิดเห็นของคุณกิ๊กๆเพราะได้เห็นกันมานาน) มีความน่าสนใจต่อเรื่องความรู้สึกของประชาชนในตอนนี้ เรื่องนี้คงเปนแค่อีกเสียงหนึ่ง ที่เปนเสียงเล็กๆในบ้านเมืองเรา ณ ช่วงเวลานี้ ( เจ้าน้อย..)

ปล.
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณกำลังใส่ร้ายเบื้องสูงอยู่ หาความจริงไม่ได้เลยพูดกันลอยๆ ใส่ร้ายท่านต่างๆนานา โดยท่านไม่มี
โอกาสชี้แจ้งให้ประชาชนของท่านเข้าใจ ไอ้พวกนรก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ใช่ เลวสุดๆ ทรยศแผ่นดิน ถ้าอยากได้ระบอบประธานาธิบดีก็ไสหัวไปอยู่ประเทศอื่นเถอะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะอยู่กันสุขสบายเท่าที่ซุกหัวอยู่ในเมืองไทยรึเปล่า

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

โทษเถอะ คนที่อยากได้ระบอบประธานาธิบดีน่ะ สมองกลวงหรือสมองฝ่อ ก็แล้วแตเถอะ แต่ถ้ายังพอเหลือเนื้อสมองที่ใช้การได้ลองพยายามใช้สมองอันน้อยนิดที่เหลืออยู่คิดดูนะว่า ประเทศชาติจะวุ่นวายยิ่งกว่านี้อีก เพราะนักการเมืองทุกคนต่างก็อยากเป็นประธานาธิบดี เพื่อจะได้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ถึงตอนนั้นพวกแกน่ะจะไม่มีความหมายอะไรแล้ว ได้แต่แหงนหน้าเหมือนหมาแหงน คอยดูเค้าแย่งตำแหน่งเพื่อตักตวงผลประโยชน์กันเท่านั้น คิดให้ไกล ให้มากๆหน่อย ถามคนที่ฉลาดกว่าดูก็ได้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เค้าจะแบ่งความรวยให้พวกแกด้วยเหรอ เชอะ โง่บัดซบเลย เห็นด้วยกับกระทู้ข้างบนนะ ถ้าไม่เอาพระมหากษัตริย์ พวกแกรีบไปเลยนะ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ประเทศไทย ไอ้พวกหนักแผ่นดิน