วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

๖ เมษายน วันอัปรีย์


วันที่ ๖ เมษายน เป็นวันที่นายพลคนหนึ่งในกองทัพพระเจ้าตากสิน แย่งสมบัติและขึ้นครองเป็นกษัตริย์ผ่านการฆ่ากษัตริย์คนก่อน หลังจากนั้นมีการแก้ตัวโดยโกหกว่าพระเจ้าตาก “บ้า” จะเห็นได้ว่าการปล้นแย่งชิงการเป็นใหญ่ผ่านความรุนแรงคือที่มาของตระกูลจักรี และการใช้กำลังยึดอำนาจของทหาร เพื่อประโยชน์ส่วนตน เป็นประเพณีเก่าแก่ อัปรีย์ ของชนชั้นปกครองไทย

จริงๆ แล้วการใช้ความรุนแรงในการขึ้นครอง ไม่ใช่เรื่องอะไรพิเศษสำหรับราชวงศ์จักรีในสมัยก่อนเลย มันเป็นพฤติกรรมปกติของพวกกษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์อังกฤษ จีน พม่า หรือฝรั่งเศส และเราก็ไม่สามารถโทษ ไม่ควรเอาผิดลูกหลานของกษัตริย์สมัยก่อนที่เคยทำความผิด แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรเชิดชูการกระทำแบบนั้นด้วยคำโกหกบิดเบือน

คาร์ล มาร์คซ์ เคยตั้งข้อสังเกตในหนังสือว่าด้วยทุนว่า ความร่ำรวยของนายทุนสมัยนี้ ไม่ได้มาจากความขยันและออมของคนเหล่านั้น แต่ต้นกำเนิดของความร่ำรวยมาจากการปล้นขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นผ่านการใช้กองกำลัง ในกรณีนายทุนใหญ่เก่าแก่ของไทยก็เช่นกัน ทรัพย์สมบัติของกษัตริย์ปัจจุบัน ที่เป็นมรดกจากบรรพบุรุษ มาจากการปล้นสมบัติของพระเจ้าตาก หลังจากนั้นมีการใช้อำนาจขูดรีดและบังคับใช้ไพร่ บังคับให้คนส่งส่วย และบังคับเก็บภาษีจากประชาชน โดยที่กษัตริย์ต้นๆของราชวงศ์จักรีไม่ได้ขยันทำงานแต่อย่างใดทั้งสิ้น สรุปแล้วทรัพย์สินทั้งหมดที่ทำให้ไทยมีกษัตริย์ที่รวยที่สุด มีต้นกำเนิดอันไม่ชอบธรรมในประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ต่างจากต้นกำเนิดของทรัพย์สมบัติของกษัตริย์อังกฤษหรือที่อื่น

แต่เราต้องไม่มองอะไรด้านเดียว กษัตริย์ที่ขยันปกครองและปฏิวัติระบบล้าสมัยของกรุงเทพฯก็เคยมี ตัวอย่างที่ดีคือรัชกาลที่๕ ซึ่งพยายามทำให้สยามเป็นรัฐสมัยใหม่ ยกเลิกทาสและไพร่ และรวมศูนย์การปกครอง และถึงแม้ว่าทำไปเพื่อประโยชน์และอำนาจของตนเอง แต่ก็มีประโยชน์กับประชาชนด้วย และที่น่าสนใจคือพวกขุนนางหัวเก่าพยายามคัดค้านอย่างถึงที่สุด แสดงว่าสมัยโน้นก็มีหัวเก่าที่ไม่อยากให้ประเทศก้าวหน้าเหมือนกัน อย่างไรก็ตามรัชกาลที่๕ก็ไม่ใช่นักประชาธิปไตย เป็นผู้สั่งรวบดินแดนสามจังหวัดภาคใต้จากรัฐปัตตานี และการที่มีเมียเต็มวังก็แสดงว่าไม่เคารพผู้หญิงเท่าไร นั้นก็ปกติ คนเราย่อมมีข้อดีข้อเสียเสมอ ปัญหาคือกษัตริย์ในราชวงศ์จักรีที่สร้างประโยชน์นอกจากรัชกาลที่๕แล้ว....อาจไม่มีเลย รัชกาลที่๓ กับรัชกาลที่๔ สนใจแต่การแย่งสมบัติกัน รัชกาลที่๖ มัวแต่เล่นละครและใช้เงินแผ่นดิน รัชกาลที่๗ แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจบนสันหลังประชาชนจนต้องมีการปฏิวัติในปี ๒๔๗๕...


ประวัติศาสตร์เป็นอาวุธทางการเมือง ทั้งหมดที่ผมเขียนไปนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่ฝ่ายเผด็จการสมัยนี้ไม่อยากให้เราพูดหรือคิดความจริงแบบนี้ของประวัติศาสตร์ เขาจะพยายามสร้างประวัติศาสตร์ชุดโกหกมาให้เราท่องจำแทน และเราก็จะต้องสวนกลับไปด้วยข้อมูลของฝ่ายเรา


ใจ อึ๊งภากรณ์


ที่มา : wdpress : Political Writings on Thailand : ๖ เมษายน วันอัปรีย์

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การกระทำความดี ถึงแม้จะเห็นผลช้าแต่ก็ทำให้มีความสุขสมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน ขอเชิญทุกท่านร่วมปฏิญาณทำความดีเพื่อในหลวงและประเทศของเรา

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอตอบกลับหน่อยครับ การที่บอกว่าเป
นวันแบบนั้น ผมว่ามันน่าจะเป็นตัวคนเขียนเสียมากกว่า การที่เราอยู่มาได้ อย่างน้อย ต้องคำนึงว่าการเป็นปึกแผ่นของชาติแต่อดีตนั้น เพราะว่าชนชั้นปกครอง ไม่ได้หมายความว่าชนชั้นปกครองจะดีหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ การที่เรามานั่งวิพาดษ์อดีต โดยที่บางครั้งไม่เข้าใจอย่างท่องแท้มั้นก็เหมือนกับมานั่งเล่าเรื่องขำขันให้คนอื่นฟัง การเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานยิ่งแล้วใหญ่ การที่มีเมียเต็มวังแล้วอย่างไร ผมไม่เห็นว่าคนที่คุณยกย่องจะมีเมียเดียวซะหน่อย...การที่ร่ำรวมแล้วอย่างไร ผมก็ไม่เห็นว่าคนที่คุณยกย่องรวยขึ้นมาจากเงินเดือนเลย กลับร้ำรวยจากการคดโกงมากกว่าเสียอีก...อย่าเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดวัดคนอื่นครับ เด๋วจะเสียนามสกุลเปล่าๆ