วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เราจะดูเทศกาลล่าหัวมนุษย์ หรือ จะทำลายมัน



นิยายน้ำเน่าของความเป็น "ไทยๆ"

ปัจจุบันเราเดินทางมาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่ตามแบบมาตราฐานสากลของประเทศอารยะ ประเด็นหนึ่งที่มองเห็นอย่างชัดเจนและกลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่เพราะมันเป็นอาวุธหลักของฝ่ายเผด็จการ คือ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทุกคนมีสิทธิเป็นผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้นถ้าคุณคิดต่างจากกรอบที่ตั้งไว้โดยเผด็จการ

โปรแกรมที่เผด็จการตั้งไว้เพื่อเป็นเครื่องมือในปิดปากคนไทยโดยการใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือมีอะไรบ้าง


1.
ในหลวงทำงานหนักเพื่อคนไทย คำถามที่ตามมาแล้วคนอื่นๆคนจนไม่ทำงานหนักหรือไง คนงานต้องทำงานล่วงเวลาวันละหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้เงินมาเพียงพอกับต้นทุนการดำรงชีวิต อีกทั้งยังต้องเสียภาษีมหาโหดให้กับรัฐผ่านระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะที่คนรวยๆนั้นไม่เสียภาษี อนึ่งเป็นเรื่องที่อดสูอย่างยิ่ง คือ หมาของคนชั้นสูงมีสระว่ายน้ำส่วนตัวและมีสถานะคำนำหน้านามว่า "คุณ" ในขณะที่คนแก่ในสังคมรัฐจ่ายเงินช่วยเหลือเดือนละ 500 บาทเท่านั้น คำอุทานอื่นคงไม่มีนอกจากคำว่า Amazing Thailand!!


2.
การเผยแพร่กิจกรรมของราชวงศ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่องทุกๆวัน กิจกรรมของราชวงศ์แต่ละครั้งจะมีคนติดตามเป็นจำนวนมาก แน่นอนต้นทุนการออกไปทำงานชนิดนี้แต่ละครั้งคงแพงลิบลิ่ว ถ้าพวกนี้ฉลาดและต้องการทำงานเพื่อสังคมจริงก็ไม่ควรจะมีต้นทุนสูงขนาดนี้เพราะพวกเขาเอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่าย อนึ่งการเดินทางไปไหนของคนพวกนี้ ก็ไม่ควรจะมีอภิสิทธิพิเศษเหนือมนุษย์คนอื่น เช่น การปิดถนน ห้ามคนเดินข้ามสะพานลอย คนป่วยต้องการหมอ คนจะคลอดลูก นัดสำคัญๆของคนธรรมดา นับไม่ถ้วนถูกเซ่นไปกับ "ขบวนเสด็จ" สถาบันที่มีประโยชน์ต่อประเทศไม่ควรทำตัวแบบนี้ การติดรูปราชวงศ์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ทั้งที่มีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว ควรตั้งคำถามว่ามีไว้ทำไมตั้งขนาดนั้น กลัวคนจะจำไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีสูตรคณิตศาสตร์ ข้อความความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ หรือ รายชื่อหนังสือก้าวหน้า (ไม่ใช่หนังสือล้างสมอง) ประชาสัมพันธ์เช่นนั้น คงเป็นเสริมสร้างสติปัญญาให้กับประชาชนอย่างก้าวกระโดด


ตัวอย่างความเหลื่อมล้ำของความเป็นคนในสังคมไทยยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ที่ซุกไว้ใต้พรมของความป็น "ไทยๆ" เมื่อวกเข้ามาสู่ประเด็นการกำจัดเครืองมือที่สำคัญที่สุดของเผด็จการ คือ เราต้องมีจุดยืนต่อกฎหมายหมิ่นฯ ว่าเราต้องยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตามแนวทางการขับเคลื่อนระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลยังคงต้องการอยู่ในกรอบเดิมๆ เช่น การส่งเสียงให้ดังหรือดังยิ่งกว่าว่าตัวเองมีความจงรักภักดีมากหรือมากที่สุด ทั้งๆที่มันไม่ใช่ประเด็นที่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ยืนอยู่บนฐานของความเหลื่อมล้ำได้ ปัญหาความขัดแย้งทางสังคมที่ดำรงอยู่ต้องใช้แนวทางโปร่งใสและความเท่าเทียมเท่านั้น และการใช้กรอบเดิมๆ ที่เน้นว่ากษัตริย์ยังคงต้องดำรงอยู่คู่สังคมไทย มันมีประโยชน์น้อยมาก หรือ กลายเป็นอุปสรรคสำคัญเมื่อจะนำมาเป็นข้อเสนอรูปธรรมในการแก้ปัญหาสังคม



ม๊อบมีเส้น : ม๊อบล่าหัวมนุษย์

การดำรงอยู่ของกฎหมายหมิ่นฯ มีความอัปลักษณ์น่ารังเกียจยิ่งขึ้นเมื่อมองเชื่อมกับลักษณะของม๊อบมีเส้น ที่วิวัฒนาการไปเป็นม๊อบล่าหัวมนุษย์ ใช้ความรุนแรงเพื่อเผยแพร่ "ระเบียบใหม่/การเมืองใหม่" ม๊อบนี้ปลุกระดมให้มวลชนกระหายเลือดอย่างถึงที่สุด ไล่ฆ่า ไล่ซ้อมคน ตามท้องถนน ปิดสนามบินโดยไม่คำนึงถึงคนที่เดือดร้อน มีคนตกงานเป็นจำนวนแสนเพื่อบูชายันต์ผลงานชิ้นดังกล่าว ล่าสุดที่เมืองอุดรเช่นเดียวกัน มีความพยายามการสร้างความตึงเครียดผ่านการสร้างบรรยากาศของสงครามกลางเมือง มีการตั้งรั้วลวดหนามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ปกติ มีการเกณฑ์อันธพาลมาเพื่อเป็นการ์ดอย่างไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น

พร้อมกันนี้มีสื่อมวลชนที่ป้ายขี้ว่าเสื้อเหลืองเสื้อแดงว่าแย่พอๆกัน ก็เป็นตัวอย่างของความตาบอดที่พร้อมจะเข้าข้างรัฐบาลและเผด็จการ ในขณะที่เสื้อเหลืองกระหายความรุนแรง ทำลายกลไกประชาธิปไตย เรียกร้องให้ทหารและอำนาจนอกระบบเข้ามาจัดการการสังคม แต่เสื้อแดงพยายามดึงกติกาสังคมกลับคืนมีความโกรธแค้นกับการถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและประชาธิปไตยจากสีเหลือง สองกลุ่มนี้มีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว พวกที่แยกความแตกต่างสองกลุ่มนี้ไม่ออกมีค่าเป็นเพียงพุดเดิ้ลของม๊อบมีเส้นเท่านั้น แน่นอนเราต้องมีการตรวจสอบและประณามสื่อชนิดนี้ให้ถึงที่สุดในรูปแบบต่างๆ เช่น การเขียนจดหมายไปต่อว่ารายการนี้ หรือ การผลิตคลิปวีดีข่าวเพื่อตอบโต้การวิเคราะห์นี้ขึ้นมาเผยแพร่ เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและไม่ยอมจำนวนกับน้ำลายเน่าๆที่ออกจากปากพวกนี้


เราต้องปฏิรูปสังคมถึงระดับไหน

การมุ่งเน้นการเปิดโปงความไม่ชอบธรรม การโกงกิน การฮั้ว เพียงอย่างเดียวนับเป็นเรื่องที่ไม่เพียงพอ ที่จะเยียวยาสังคมไทย ความไม่เป็นธรรมนั้นคนธรรมดารู้อยู่แล้ว แต่คำถามสำคัญคือ "แล้วไงต่อ?" การเรียกร้องให้คืนนิติรัฐต่อสังคม โดยการเรียกร้องให้ทุกส่วนเคารพกฎหมายและหันหน้าเข้าหากันโดยสันติวิธีดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ตรงประเด็น เพราะอีกฝ่ายต้องการความรุนแรง

สันติวิธีรูปธรรมหมายถึงอะไร?และมีประโยชน์หรือไม่ที่จะไม่พูดถึงกองทัพซึ่งเป็นหัวหอกในการฉีกรัฐธรรมนูญทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนักการเมืองควรจะมีความกล้าหาญที่จะเสนอให้มีการลดบทบาทกองทัพลงอย่างเป็นระบบ รวมถึงเสนอให้ลดความสำคัญของอุดมการณ์ชาติ + พระมหากษัตริย์ ลงไปเสียเพราะนี่คือเครื่องมือหลักของกองทัพในการทำลายประชาธิปไตย

หัวใจของความขัดแย้งในสังคมปัจจุบัน คือ ความขัดแย้งระหว่างคนจนและคนรวย ทางแก้ที่ถูกต้องคือปฏิรูปสังคมที่เน้นลดความเหลื่อมล้ำลง ข้อเสนอที่ควรจะมีการพูดถึงอย่างกว้างขวางคือ การสร้างรัฐสวัสดิการอย่างทั่วถึงผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้า อย่าลืมว่าสิทธิเสรีภาพนั้นต้องการรูปธรรมกำกับเสมอ

นิติรัฐที่จะเป็นไปได้มีทางเดียวเท่านั้นคือทำลายระเบียบใหม่และอุดมการณ์ขวาจัดให้อ่อนกำลังหรือกำจัดให้หมดไปในท้ายที่สุด ในประเทศอังกฤษจะมีวัฒนธรรมของการต่อต้านพวกนาซี จะมีการขัดขวางไม่ให้พวกนี้รวมกลุ่มหรือจัดการชุมนุมกัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าข้อเสนอของพวกนี้เป็นอันตรายต่อเสรีภาพทุกกระเบียดนิ้ว จากนั้นเราต้องแปรอุดมการประชาธิปไตยไปสู่รูปธรรมที่พลเมืองสามารถตรวจสอบทุกสถาบันในสังคมที่ทุกระดับชั้นมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน


สมุดบันทึกสีแดง
(ใจ อึ๊งภากรณ์ )



สำเนาโดย : อย่าว่าเราเจ้าข้า...

ที่มา : บอร์ด"ฟ้าเดียวกัน" : บทความอ.ใจล่าสุด:เราจะดูเทศกาลล่าหัวมนุษย์ หรือ จะทำลายมัน, พอดียังไม่เห็นที่ไหน(กล้า)เผยแพร่

หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

ไม่มีความคิดเห็น: