วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

อย่าท้าทายกฎหมายหมิ่นฯ โดนคุกแน่



THAILAND :
Don’t Challenge Lese-Majeste Law - Risks Jail Term

By Marwaan Macan-Markar

อังคาร 27 มกราคม 2552

ข่าวจาก : IPS News

แปลและเรียบเรียง: Chapter 11



อย่าท้าทายกฎหมายหมิ่นฯ โดนคุกแน่!


กรุงเทพ - ในประเทศที่มีวัฒนธรรมสนับสนุนให้ประชาชนอ่อนน้อม เคารพบูชาและแม้จะต้องหมอบคลานต่อผู้มีอำนาจ ใจ อึ้งภากรณ์เป็นหนึ่งในข้อยกเว้น

ความทุ่มเทของนักวิชาการไทยคนนี้ในการเป็นมาตราฐานสำหรับความเป็นอิสระ ไม่ขี้นต่อใครในด้านความคิด ได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่บางคนที่นี่เห็นว่าเป็นบททดสอบที่ยากสุด ในการที่เขาได้แตะกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เข้มงวดของราชอาณาจักรในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

ใจ กล่าวกับ IPS ว่า “ผมเชื่อว่ากฎหมายควรถูกแก้ไขใหม่” “และยังมีผู้ที่สนับสนุนกษัตริย์ต้องการให้แก้ไขกฎหมายนี้เช่นกัน”

คำท้าทายดังกล่าวพูดขี้นหลังจากที่เขาถูกคดีหมิ่นฯในเดือนมกราคมจากชุดปฎิบัติการพิเศษในหนังสือในปี 2550 ของเขา ชื่อว่า “รัฐประหารเพื่อคนรวย” เป็นการวิจารณ์การทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ซึ่งขับไล่ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในขณะนั้น

ใจ ซึ่งสอนวิชารัฐศาสตร์ให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมา 12 ปี เปิดเผยว่า “ในหนังสือมี 8 ย่อหน้าซึ่งถูกแจ้งว่าก่อให้เกิดความเสียหาย นั่นคือสิ่งที่ตำรวจบอกผมจากหมายจับ”

เขากล่าวต่อว่า “หนังสือที่พิมพ์ออกมา 1,000 เล่มได้ขายหมดแล้ว แต่ก็ยังสามารถโหลดจากอินเตอร์เน็ตได้”

ใจ ทราบดีถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า การถูกจำคุก 15 ปี อันเป็นโทษจำคุกสูงสุดสำหรับผู้ที่ถูกตัดสินว่าผิดเมื่ออยู่ฝั่งตรงข้ามกับกฎหมายหมิ่นฯ เขายอมรับว่า “ได้สร้างความกดดันให้กับผมและครอบครัวมหาศาล”

แต่ความมุ่งมั่นในการที่จะปกป้องความเป็นอิสระทางด้านวิชาการและเสรีภาพในการแสดงออก ได้เป็นแรงผลักดันให้เขารณรงค์ในการนำสถาบันอันเก่าแก่เกี่ยวกับกษัตริย์ของไทยให้ออกมาสู่สายตาสาธารณะ

เขาอธิบายว่า “สื่อไทยไม่่ให้ความสำคัญในการเสนอข่าวเช่นเดียวกับข่าวคดีหมิ่นฯอื่นๆทั้งหมด” “คดีทั้งหมดถูกพิจารณาคดีอย่างเป็นความลับ นี่คือหนึ่งในปัญหา ไม่ให้สาธารณะชนตรวจสอบได้”

แถลงการณ์ของเขาหลังจากที่ได้รับทราบข้อกล่าวหา กล่าวว่า “การใช้กฎหมายหมิ่นฯ ในประเทศไทยเป็นการพยายามที่จะป้องกันการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ในเรื่องสถาบันที่สำคัญที่สุด” “มีการพยายามป้องกันไม่ให้มีการคิด วิเคราะห์ สำหรับประชาชน แต่สนับสนุนให้คนเรียนรู้แบบเดิมๆ

ทัศนคติของใจ ได้รับการยกย่องจากบุคคลบางส่วนว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้า จากวิถีเดิมของคนไทยที่ต้องเงียบเมื่อโดนคดีหมิ่น ที่จริงแล้วใจได้รับแนะนำจากนักวิชาการไทยว่าให้เงียบ

เดวิด สเตรคฟัซ นักวิชาการอเมริกันซึ่งได้เขียนบทความมากมายเกี่ยวกับกฎหมายอายุ 100 ปี ซึ่งปรากฎในประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปกป้องราชวงศ์ไทยจากการดูหมิ่นหรือเสียชื่อ ไม่ว่าจะจากคำพูดหรือการกระทำ ได้กล่าวว่า “ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบสิบๆปีที่มีคนกล้าสู้กับกฎหมายนี้”

เป็นคดีแรกที่นักวิชาการถูกดำเนินคดีจากกฎหมายกดขี่นี้ สเตรคฟัซได้ให้ข้อสังเกตจากการให้สัมภาษณ์ “เขาไม่ได้ยุให้เกิดความรุนแรง เขาแค่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารครั้งล่าสุด และความเปลี่ยนแปลงของสังคมการเมืองไทย”

เสียงของเขาเสียงเดียวได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนนักวิชาการจากทั่วโลก รายชื่อนักวิชาการ 128 คนจากนานาประเทศได้เรียกร้องให้มีการถอนฟ้อง ในประเทศไทยทั้งนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน และนักข่าวต่างๆได้รวมตัวกันจัดสัมมนาสำหรับคนทั่วไปในอาทิตย์หน้าเพื่อแสดงความห่วงใย

ใจ ได้ยืนหยัดต่อสิทธิส่วนบุคคลและความเชื่อในทางการเมืองของเขาในประเทศชื่อว่าประเทศไทย ซึ่งมีความหมายตามท้องถิ่นว่า “ดินแดนแห่งความเสรี” สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบันนี้ จากจุดที่ว่าประเทศที่สื่อไม่เสนอข่าวเพื่อปกป้องกษัตริย์และครอบครัวอันเป็นที่รักเป็นเรื่องธรรมดาปฎิบัติ ซึ่งทำให้เกิดความกลัวว่าเรื่องร้ายๆยังไม่มาถึง

ใจ ถูกกล่าวหาเมื่อต้นอาทิตย์นี้ ศาลไทยได้ตัดสินว่าแฮรี นิโคไลเดส ชาวออสเตรเลียซึ่งได้เขียนหนังสือที่มีความหมายคลุมเคลือ มีความผิดในการกระทำการหมิ่นฯและต้องโทษจำคุก 3 ปี ศาลได้ตัดสินว่าข้อความในหนังสือกึ่งนวนิยายของเขาในปี 2548 นั้น ได้อธิบายเจ้าฟ้าชายในด้านที่ทำให้เกิดความไม่เคารพต่อราชวงศ์ และทำให้เกิดการกล่าวร้ายต่ออำนาจราชวงศ์

หลายวันก่อนหน้านั้น สุวิชา ท่าค้อ ได้โดนตำรวจจับหลังจากที่ตำรวจได้พบข้อความหมิ่นกษัตริย์และองคมนตรีจากคอมพิวเตอร์ของเขา รีพอร์ตเตอร์วิทเอ้าบอร์เดอร์สื่อด้านขวาทำหน้าที่ยามรักษาการณ์ได้กล่าวว่า “หลังจากถูกจับสามวัน สุวิชาถูกปฎิเสธไม่ให้ประกันตัว”

สำหรับที่อื่น รัฐบาลชุดปัจจุบันนำโดยพรรคประชาธิปัตย์กำลังแสดงอำนาจโดยการล่าเวปไซต์ที่ถูกกล่าวหาว่า เนื้อหาหมิ่นราชวงศ์ของไทย ผู้นำแห่งการผลักดันให้มีการเซนเซ่อร์อินเตอร์เน็ตคือ รมว.ยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งได้แฉว่าขณะนี้มี 10,000 เวปไซต์ที่กำลังถูกจับตามองอยู่

รมว.ไอซีที ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ได้ยืนยันว่า 2,300 เวปไซต์ซึ่งมีความเห็นและภาพดูหมิ่นราชวงศ์ไทยได้ถูกบล้อกไปเรียบร้อยแล้ว และอีก 400 กว่าว่าเวปไซต์รอคำสั่งศาลให้ปิด

รมว.ไอซีที ได้รับงบประมาณเพิ่ม 1.28 ล้านเหรียญ เป็นงบเพื่อใช้ซื้อเครื่องมือพิเศษ ในการติดตั้งเพื่อใช้จับตามองเวปไซต์ที่โจมตีและหมิ่นราชวงศ์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

กองทัพซึ่งเป็นตัวการทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมมีอำนาจ ได้เป็นตัวการสำคัญในเรื่องนี้ด้วย ในสงครามต่อสู้กับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

ผบ ทบ อนุพงศ์ เผ่าจินดาได้สนับสนุนหน่วยพิเศษที่สามารถ “ดักฟังโทรศัพท์”และ”บันทึกการสนทนาและการพูดในที่สาธารณะ” วาสนา นาน่วมนักเขียนคอลัมภ์เกี่ยวกับกองทัพให้กับนสพ บางกอกโพสต์ได้เขียนว่า “ทหารจะแจ้งไปยังตำรวจถ้าพบว่ามีการละเมิดกฎหมายหมิ่นฯ”ระบบเผด็จการทางการเมือง

เป็นอนุพงศ์คนเดียวกันซึ่งหลังจากรัฐประหารปี 2549 อันเป็นครั้งที่ 18 ของประเทศไทย เป็นผู้นำหน่วยพิเศษ “หน่วยเฉพาะกิจ 6080″ ซึ่งภาระกิจคือจับตามองเวปไซต์ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีต่อภาพพจน์ของราชวงศ์ไทย ซึ่งอนุญาตให้มองแต่ภาพที่สมบูรณ์เท่านั้น

สเตรคฟัซนักวิชาการอเมริกันกล่าวว่า “ประเทศไทยไม่เคยเอาจริงเอาจังเหมือนกับปีที่ผ่านมา ในการเชื่อว่ามีการต่อต้านราชวงศ์” “ไม่เคยมีความพยายามอย่างยิ่งยวดแบบนี้มาก่อนจากหลายๆองค์กร เพื่อทำหน้าที่แบนความเห็นที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นราชวงศ์”

สำหรับ ใจ การโฆษณาชวนเชื่อได้ฝ่าฝืนความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่ง “สถาบันควรให้มีการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส”

ใจเห็นว่า เป็นความพยายามส่งเสริมให้คนไทยได้ “เชื่อว่าเราอาศัยอยู่ภายใต้ระบบราชวงศ์แบบเก่า” มีความเป็นระบบศักดินา ระบบอุปถัมภ์ และระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ผสมกันอยู่


Marwaan Macan-Markar


ที่มา : Liberal Thai : อย่าท้าทายกฎหมายหมิ่นฯ โดนคุกแน่

หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล