The Sydney Morning Herald
Right royal reasons to change the law that stifles Thai democracy
by Andrew Walker and Nicholas Farrelly
แปลและเรียบเรียง : chapter 11
ราชวงศ์ควรเปลี่ยนกฎหมายที่ขยี้ประชาธิปไตยไทย
ได้มีการเริ่มการรณรงค์ในระดับชาติ เรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายหมิ่นฯ ที่ล้าหลังของประเทศไทย
ภายใต้กฎหมายนี้ การถกเถียงและการวิจารณ์ราชวงศ์อย่างตรงไปตรงมา อาจทำให้ติดคุกได้ในระหว่าง ๓-๑๕ ปี ในจดหมายเปิดผนึกที่มีถึงนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีนักวิชาการและบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากกว่า ๕๐ คน ร่วมกันให้เหตุผลแย้งว่าการตั้งข้อหาในคดีหมิ่นฯ เป็นการทำลายความเป็นประชาธิปไตย และเป็นอุปสรรคต่อการถกเถียงในหัวข้อสำคัญๆ ของอนาคตการเมืองไทย
การร่วมลงลายชื่อในจดหมายดังกล่าว ซึ่งรวมไปถึงนักวิชาการของไทยที่เป็นที่นับถืออย่างสูงของโลก นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากล และสมาคมนักวิชาการสากลระดับชั้นนำ ในจำนวนบุคคลที่มีชื่อเสียง บ๊อบ คาร์ อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเซ้าเวลส์ของประเทศออสเตรเลีย ได้ร่วมลงชื่อเพิ่มขี้นเมื่อไม่นานมานี้
คนออสเตรเลียหลายๆคนอาจจะคิดว่า เรื่องคงหมดสิ้นไปแล้วหลังจากที่แฮรี นิโคไลเดส ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์ไทย และกลับไปยังประเทศออสเตรเลียแล้ว นิโคไลเดส ซึ่งเป็นนักเขียนจากเมลเบริ์นเคยทำงานเป็นครูในประเทศไทย ถูกจำคุกไทยนานถึง ๖ เดือน โทษฐานได้เขียนนวนิยาย ๑ ย่อหน้า เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเจ้าฟ้าชาย
การได้รับพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เราไม่ควรไขว้เขวกับพระเมตตาจากราชวงศ์ ที่แสดงให้เห็นต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้ กฎหมายยังคงอยู่ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการบุกสำนักงานของเว็บไซต์การเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เนื่องจากเนื้อหาในเว็บไซต์ไม่เหมาะสมด้วยเรื่องของราชวงศ์ ผู้เรียกร้องทางการเมืองสองคนกำลังทรมานในคุก จากความเห็นที่ต่อต้านราชวงศ์ในการชุมนุมต่อหน้าสาธารณะเมื่อปีที่แล้ว นักวิชาการชื่อดังได้หนีไปอังกฤษหลังจากถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ดูหมิ่นราชวงศ์จากบทความในหนังสือเกี่ยวกับสถานะของกษัตริย์กับการทำรัฐประหารในเดือนกันยายน ๒๕๔๙ คนอื่นๆที่ได้ถูกจับเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ ได้แก่ นักข่าวบีบีซี นักศึกษาผู้ที่โพสต์บทความในเว็บไซต์ หนึ่งในปัญญาชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย และผู้ซึ่งไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง
กฎหมายหมิ่นฯ ถูกใช้ในการควบคุมไม่ให้มีการพูดถึงบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ที่มีต่อการเมืองไทยที่วุ่นวาย ใครก็ตามสามารถกล่าวหาอย่างแทบจะไม่มีมูลความจริงต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองกับตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คดีอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา จะไม่มีทางที่จะมีการสิ้นสุด คดีจะถูกพิจารณาอย่างเงียบๆ แทบจะไม่มีการรายงานคดีให้ประชาชนได้รับรู้ นี่คือปฎิบัติการทางกฎหมายในโลกมืดจากฝีมือการกดดันของรัฐ
ยิ่งเรื่องการสื่บราชบัลลังค์ใกล้เข้ามาเท่าไร การถกเถียงอย่างเปิดเผยในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับราชวงศ์นั้น ก็ควรจะมีมากขี้น กษัตริย์ทรงพระชนมายุ ๘๑ พรรษาแล้ว และมีสุขภาพที่ไม่อำนวย กฎหมายหมิ่นฯห้ามไม่ให้มีการพูดถึงเรื่องขององค์รัชทายาท เจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์ แต่ข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องชีวิตส่วนตัวขององค์รัชทายาทก็ถือเป็นเรื่องปกติ มีข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับคุณสมบัติของพระองค์ เกี่ยวกับการพัวพันทางด้านธุรกิจ เกี่ยวกับสุขภาพและความยุ่งเหยิงของชีวิตรักของพระองค์ เหล่านี้เป็นขุมทองสำหรับบรรณาธิการของหนังสือประเภทซุบซิบต่างๆ และสำหรับนักวิจารณ์ในการพูดถึงเรื่องของราชวงศ์ ฉะนั้นกฎหมายหมิ่นฯจึงเป็นเครื่องค้ำจุนต่อชื่อเสียงของราชวงศ์
การรณรงค์ต่อต้านกฎหมายหมิ่นฯในระดับสากลเพื่อใช้กดดันรัฐบาลไทย และให้การสนับสนุนต่อคนในประเทศไทย ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงชีวิตต่อการเสาะหาวิธีการถกเถียงอย่างเปิดเผยมากยิ่งขี้น เกี่ยวกับบทบาทของราชวงศ์ที่มีต่อชีวิตทางการเมืองของไทย นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตอบรับต่อการเรียกร้อง และกล่าวว่ารัฐบาลของเขาจะพิจารณาเรื่องนี้ภายในอาทิตย์นี้ ความหวังที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้ดูเป็นเรื่องริบหรี่ คดีหมิ่นฯที่มีต่อนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งควรมีการพิจารณาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ถูกเลื่อนไปอีกหนึ่งเดือน อภิสิทธิ์เป็นผู้นำรัฐบาลที่มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ฉะนั้นคงแทบไม่มีโอกาสที่จะเห็นการแก้ไขกฎหมายนี้ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
การเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายนี้อาจสร้างความสนใจ และได้รับการสนับสนุนบ้างจากบุคคลที่ไม่คาดฝัน กษัตริย์ได้ทรงแสดงความไม่สบายพระทัยเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯในหลายวาระ เมื่อเดือนที่แล้วที่ปรึกษาของกษัตริย์ท่านหนึ่ง ได้ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวมีปัญหา ความหวั่นเกรงอย่างนี้อาจจะไม่ใช่เป็นการผลักดันให้เกิดเสรีภาพในการพูด เป็นเพียงแต่ว่าราชวังคงทราบว่าทุกๆคดีหมิ่นฯ โดยเฉพาะเมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้สร้างความย่ำแย่ต่อภาพพจน์ของราชวงศ์
การปรับปรุงกฎหมายหมิ่นฯ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งทางการเมือง และเรื่องลึกลับของพระราชวังในกรุงเทพ แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนออสเตรเลียด้วย เป็นเรื่องสำคัญเพราะชาวออสเตรเลียได้ถูกจำคุกถึง ๖ เดือน จากข้อเขียนที่มีปัญหาเพียง ๑ ย่อหน้า ชาวออสเตรเลียคนอื่นๆอาจจะตกเป็นเหยื่อของกฎหมายนี้ก็ได้ แม้ความเห็นจะทำนอกประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดคือ การปรับปรุงกฎหมายหมิ่นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเสรีภาพในการพูดเป็นเรื่องที่สำคัญ
ประชาธิปไตยในประเทศไทยได้สะดุดลงตั้งแต่มีการทำรัฐประหารในเดือนกันยายน ๒๕๔๙ รัฐบาลเข้ามามีอำนาจจากการหนุนหลังของพวกคลั่งเจ้าอย่างสุดโต่ง ที่ออกไปรณรงค์กลางถนนและทำการยึดสนามบินนานาชาติในกรุงเทพเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ และราชวงศ์ได้มีบทบาทต่อการเมืองที่วุ่นวายเมื่อไม่นานมานี้ เวลานี้ประเทศตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน เป็นปลายรัชกาลของกษัตริย์ที่ครองราชย์มายาวนานที่สุด คนไทยหลายๆคนต้องการให้มีการถกเถียง เกี่ยวกับการเมืองในอนาคตอย่างเสรีและตรงไปตรงมา
กฎหมายหมิ่นฯ ได้นำพาไปสู่แนวทางที่ตรงกันข้าม ได้นำพาย้อนกลับไปสู่ระบบเผด็จการ
(แอนดรูว์ วอคเกอร์ และ นิโคลัส ฟาร์เรลลี่ ทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย วิทยาลัยเอเซียและแปซิฟิก ภาควิชาความสัมพันธ์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้)
ที่มา : Liberal Thai : ราชวงศ์ควรเปลี่ยนกฎหมายที่ขยี้ประชาธิปไตยไทย
หมายเหตุ
การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ
3 ความคิดเห็น:
ทำไมชาวต่างชาติต้องมาวุ่นวายครับ ถ้าในทางกลับกัน ถ้ามีคนบอกว่ากฎหมายบางฉบับของคุณไม่ดีขอให้เปลี่ยน คุณจะเปลี่ยนหรือไม่ การที่มีกฎหมายฉบับนี้ เพราะว่าอะไร เพราะว่าจะได้เอาไว้ลงโทษพวกขึ้นวอทั้งหลายครับ เป็นเรื่องปกตินะผมว่า หรือใครไม่ปกติ
กฎหมายฉบับนี้ทำให้ระบบประชาธิปไตยของเราล้าหลังจริงๆนะคะ เราถูกจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น สุดท้ายเราก็เป็นสมบูรณายาสิทธิราชย์ ประชาธิปไตยต่อหน้ากฎหมายเท่านั้น
แล้วทำไมพวกเขาจะต้องมาวุ่นวาย กับกฎหมายของไทย เราอยู่ของเราแบบนี้ก็ดีแล้ว มีกฎหมายแบบนี้ดีมากมาย ถ้าคนไทยเองยังไม่รู้สำนึกในเมื่อครั้งอดีตกาล แล้วกลับว่ากฎหมายแบบนี้ล้าหลัง (ลองกลับไปคิดให้ดีก่อนว่า สิ่งที่กล่าวมามันถูกต้อง)กฎหมายไทยก็ไม่ได้จำกัดอะไรมากมาย เพราะว่าคุณก็ทำอะไรได้หมดนอกจากการฆ่าคน ลักขโมย อะไรไม่กี่อย่างและดูหมิ่นราชวงค์ แล้วคุณจะต้องการอะไรถึงขนาดบอกว่า กฎหมายฉบับนี้ทำให้ระบบประชาธิปไตย ล้าหลัง การที่กฎหมายไทยให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันคุณยังไม่พอใจอีก นอกซะจากว่าคุณอยากจะทัดเทียมกับราชวงค์ อย่างนั้นหรอ ถึงจะพอใจ
แสดงความคิดเห็น