วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ความเกลียดและกลัว สร้างรอยด่างให้ราชวงศ์ : Fear and loathing marks Thailand’s malicious monarchy



Tribune Magazine.

Fear and loathing marks Thailand’s malicious monarchy

James Anstruther


แปลและเรียบเรียง : chapter 11



ความเกลียดและกลัว สร้างรอยด่างให้ราชวงศ์


ราชวงศ์แห่งประเทศไทย ผู้ซึ่งปรามาสประชาธิปไตย เจมส์ แอนสตรัทเตอร์รายงานเรื่องกษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดช มีการบีบบังคับต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยทั้งหมดอย่างไร


กษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดช แห่งประเทศไทย ทรงแสดงอย่างแน่ชัดถึงความคิดที่จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยือนประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา นับตั้งแต่กษัตริย์พระชนมายุ ๘๒ พรรษา ได้ทรงหยุดการเสด็จออกนอกประเทศตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๐๓ แม้กระทั่งก่อนหน้านั้นพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศพันธมิตร ซึ่งจะให้ผลประโยชน์กับการต่อสู้สมัยสงครามเย็นต่อต้านฝ่ายซ้ายในเวลานั้นเท่านั้น และได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังประเทศเวียตนามใต้ในปี ๒๕๐๒ แต่ไม่เคยทรงเสด็จไปยังประเทศเวียตนามเหนือ หรือแม้แต่ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย

พระองค์ทรงเข้าใจในความรู้สึกที่ว่าความเป็นธรรมราชา หรือทศพิธราชธรรมของพระองค์นั้นก็เพื่อแผ่นดินของพระองค์ เพื่อทรงปกป้องราชอาณาจักรที่ดูเหมือนกับว่า จะไม่มีการแบ่งแยก และไม่มีความลำบากยากเข็ญ ตัวอย่างเช่น วิกฤติการเมือง ซึ่งได้แสดงออกบนท้องถนนในกรุงเทพในระยะสามปีที่ผ่านมา แต่พระองค์กำลังจะทรงปฎิบัติต่อประเทศอินเดียเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งพระองค์ได้เคยเลี่ยงมาก่อน เนื่องจากนโยบายทางการเมืองเอียงซ้ายของอินเดีย และความมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อสหภาพโซเวียต

กษัตริย์ภูมิพลทรงรับเอาแนวความคิดเรื่องความมีทศพิธราชธรรมมาจากอินเดีย พระองค์ทรงได้รับการเชิดชูจากบรรดาผู้ที่จงรักภักดีว่า พระองค์ทรงอุปมาเหมือนเป็นพระนารายณ์เทพเจ้าแห่งฮินดู (การอวตารของพระวิษณุ) ตามธรรมเนียมของฮินดู ซึ่งหลอมรวมกับราชวงศ์ทางพุทธ

และความมีทศพิธราชธรรมของกษัตริย์ กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับราชอาณาจักร การเกิดรัฐประหารบ่อยครั้งนับตั้งแต่การเสด็จขี้นครองราชย์ของพระองค์ในปี ๒๔๘๙ หลังการสวรรคตของพระเชษฐาจากกระสุนปืน ซึ่งทรงขี้นครองราชย์ได้เพียงสามเดือน กษัตริย์ภูมิพล .................. ................. ........ .... .....

นับตั้งแต่ทรงครองราชย์ พระองค์ไม่ได้ทรงเห็นชอบกับการทำรัฐประหารในทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม การรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๙ เพื่อขับไล่ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนเดียวแห่งประเทศที่ได้รับการเลือกตั้งมาบริหารประเทศอย่างแท้จริง และเป็นที่แน่ชัดว่าพระองค์ทรงเห็นชอบด้วย

ในประเทศไทยได้ให้คำอธิบายกษัตริย์ว่า เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญมาถึง ๑๗ ฉบับ นับตั้งแต่การสิ้นสุดการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชในปี ๒๔๗๕ รัฐธรรมนูญเหล่านี้ได้ระบุเรื่องระบบรัฐสภา และมีบางฉบับระบุให้เป็นแบบเผด็จการทางทหาร แต่รัฐธรรมนูญทุกฉบับได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับพระราชอำนาจของความเป็นพระสมมุติเทพแห่งกษัตริย์ และรวมถึงบทบัญญัติเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นฯ คือการห้ามไม่ให้มีการดูหมิ่น หรือแม้แต่วิจารณ์กษัตริย์ หรือราชวงศ์ หรือแม้แต่สถาบันกษัตริย์

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา กษัตริย์ไม่ได้เป็นผู้ทรงวางกฎเกณฑ์ในการปฎิบัติเรื่องกฎหมายหมิ่นฯ จะปลอดภัยกว่าถ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักการเมือง นายพลทั้งหลาย หรือแม้แต่สาธารณชนบางส่วน ข้อกล่าวหาในเรื่องกฎหมายหมิ่นฯตั้งขี้นได้หลายรูปแบบ และตำรวจต้องสอบสวนทุกข้อกล่าวหาที่ได้รับเบาะแส แม้ว่าจะเป็นเพียงการกล่าวหาเพียงเล็กน้อย ละหุโทษอย่างต่ำสุดคือการจองจำในคุกถึงสามปี ในขณะที่คดีที่มีต่อชาวต่างชาติที่โชคร้ายนั้นได้ถูกรายงานไปทั่วโลก แต่การลงโทษจำคุกสำหรับประชาชนไทยที่ทำผิดกฎหมายหมิ่นฯนี้ ปกติแล้วจะได้รับโทษทัณฑ์ที่รุนแรงมากกว่าชาวต่างชาติ

กษัตริย์ภูมิพลทรงประสูติที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระบิดาของพระองค์ทรงกำลังศึกษาในฮาร์เวิร์ด พระองค์ทรงได้รับการศึกษาจากโรงเรียนในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สำหรับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พระองค์ได้ทรงหันไปหาคนไทยซึ่งเกิดในต่างประเทศเช่นเดียวกัน นั่นก็คืออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วัย ๔๔ ปี เป็นบุตรของนายแพทย์จากวอลเซน อภิสิทธิ์ได้รับการศึกษาจากอีตันและออกซ์ฟอร์ด และที่แน่ชัดว่าเป็นมิตรที่ดีกับ บอริส จอห์นสัน (นักการเมืองและนักข่าวของอังกฤษ) แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะฟันธงลงไปว่า ในสองคนนี้ใครกันที่ควรจะน่าขายหน้ามากกว่ากัน

นายกรัฐมนตรีทักษิณที่ถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหารครั้งหลังสุด เป็นนักการเมืองของประเทศคนแรกที่มีความทันสมัย ทักษิณได้กระทำการรณรงค์อย่างจริงจังสำหรับผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้เขา แทนที่จะพูดเรื่องการเมืองในห้องประชุม รัฐบาลของทักษิณเป็นเพียงรัฐบาลเดียวที่ได้รับเสียงข้างมากในสภา และได้นำนโยบายที่เป็นที่นิยมหลายนโยบาย เพื่อยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของคนยากจนชนบท ทักษิณได้เป็นบุคคลแรกของประเทศที่ได้จัดตั้งโครงการสวัสดิการสุขภาพถ้วนหน้า

อดีตนายตำรวจซึ่งกลายมาเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐี ทักษิณมีบางอย่างในตัวที่ทำให้นึกไปถึงประธานาธิบดีซิลวีโอ แบร์ลุสโกนีแห่งอิตาลี และนโยบายของทักษิณไม่ได้ผ่านไปด้วยดีทั้งหมด การประจันหน้ากับโจรแบ่งแยกดินแดงมุสลิมในสี่จังหวัดภาคใต้ด้วยการใช้ความรุนแรง และการประกาศสงครามยาเสพติด ซึ่งนำไปสู่ความตายที่ควรเลี่ยงได้ แต่ทักษิณเป็นที่นิยมอย่างมหาศาลจากชาวชนบท และได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งครั้งต่อมาในปี ๒๕๔๘ เป็นการชนะอย่างถล่มทลายในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งในประเทศไทย

ไม่ใช่เพราะนโยบายต่างๆที่ทำให้ทักษิณต้องล่มสลาย ในความเป็นจริง เพราะความนิยมชื่นชอบที่มีต่อทักษิณต่างหากที่ทำให้เกิดเรื่อง เมื่อไม่สามารถเอาชนะทักษิณจากการเลือกตั้งได้ รัฐประหารเป็นหนทางเดียวที่จะกำจัดทักษิณได้ นายพลต่างๆกล่าวหาทักษิณว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง และแน่นอนกระทำผิดต่อกฎหมายหมิ่นฯ การเดินสายหาเสียงทั่วประเทศของทักษิณ เป็นการทำให้ทักษิณเป็นที่นิยม และการเป็นที่นิยมนั้นเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ไม่ใช่ของนักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงแค่ไพร่ยังไม่พอแถมยังมีเชื้อสายจีนเสียอีก นั่นหมายถึงว่า ทักษิณต้องการล้มล้างอำนาจกษัตริย์และจัดตั้งสาธารณรัฐ หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นเรื่องตามที่ถูกอ้างกัน

นายพลทั้งหลายปกครองประเทศเพื่อพวกพ้องตัวเองเป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งปี ก่อนที่จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมีการจัดการเลือกตั้งขี้นมาใหม่ พวกนายพลทั้งหลายสั่งห้ามพรรคการเมืองของทักษิณ แต่พรรคต่อมาของเขาก็ยังคงได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง

รัฐบาลชุดใหม่ถูกโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งจากพวกอันธพาลที่คลั่งเจ้าฝ่ายขวาจัด และถูกโจมตีจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งนักการเมืองฝ่ายสนับสนุนในสภาบางคนก็ยังถูกซื้อเสียง ตามรายงานมีสิ่งที่บอกว่า นักการเมืองเหล่านี้บางคนอาจจะได้ค่าหัวคนละประมาณ ๑๐ ล้านบาทในการย้ายพรรค และด้วยวิธีการแบบนี้ อภิสิทธิ์ วัย ๔๔ จากอีตัน จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ที่มีอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก่อตั้งขี้นมาในปี ๒๔๘๙ เพื่อเชิดชูความเป็นราชวงศ์ไทย

ตั้งแต่การทำรัฐประหาร ทักษิณต้องคอยหลบหนีจากอัยการฝ่ายไทยและกองทัพที่หนุนหลังพวกเขา ผู้ซึ่งตัดสินว่าทักษิณมีความผิดในข้อหาที่ไม่ไปปรากฎตัวต่อศาล จากการถูกตัดสินว่ากระทำความผิดในครั้งนี้ ทำให้ทักษิณถูกห้ามเข้าประเทศอังกฤษ หลังจากที่ไทยได้ใช้วิธีทางการทูตกดดันต่ออังกฤษ คุณอาจจะถามว่า แล้วความคิดเรื่องการลี้ภัยทางการเมืองมีไว้เพื่ออะไร

ขณะนี้ทักษิณได้เดินทางโดยใช้หนังสือเดินทางการทูตของนิคารากัว และได้ปรากฎตัวในหลายประเทศเช่น ฮ่องกง และดูไบ ที่ซึ่งเขาได้พูดผ่านวิดิโอลิ้งค์ไปยังฝูงชนชาวไทยที่สนับสนุนเขาเป็นจำนวนมหาศาล ประชาชนซึ่งยังร้องเรียกให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อเลือกรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งจากความนิยมอย่างแท้จริง

พวกเขาคงไม่มีทางจะได้รับการเลือกตั้งใหม่ จนกว่ารัฐบาลปัจจุบัน จะหาวิธีป้องกันไม่ให้กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับทักษิณได้รับชัยชนะให้ได้เสียก่อน ในขณะเดียวกันรัฐบาลประชาธิปัตย์ซึ่งเชื่อกันว่า ให้การสนับสนุนด้านธุรกิจ กำลังรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจที่กำลังหมุนร่วงลงสู่ก้นเหว

แต่กษัตริย์ที่ทรงชราภาพไม่สามารถอยู่ได้ค้ำฟ้า ผู้สืบราชสันตติวงศ์จะนำพาไปสู่ยุคใหม่แห่งความสันติ ความเป็นประชาธิปไตย และความเจริญรุ่งเรืองได้หรือ นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับศักดินาไทยหลายๆคน เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ผู้ทรงมีความประพฤติไม่เหมาะสม ขณะนี้พระชนมายุได้ ๕๖ ปี ทรงเข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนมิลฟิลด์ ที่ต้องชำระค่าเรียนในอังกฤษ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ “ไม่เน้นด้านวิชาการ”

พระองค์ทรงไม่เป็นที่นิยมและเป็นที่หวาดกลัวทั่วประเทศไทย แม้ว่าพระองค์นั้นจะได้รับการปกป้องจากกฎหมายหมิ่นฯแล้วก็ตาม พระองค์ย่อมทรงต้องการกฎหมายนี้



เจมส์ แอนสตรัทเตอร์


หมายเหตุ

เจมส์ แอนสตรัทเตอร์ เป็นนักข่าวซึ่งทำงานในประเทศไทยจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ชื่อที่ใช้นี้เป็นนามปากกา


ที่มา : Liberal Thai : ความเกลียดและกลัว สร้างรอยด่างให้ราชวงศ์

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณเจมส์ ดิฉันและอีกหลายคนที่เป็นคนไทยที่ต้องถูกปิดปากไว้ด้วยกฏหมาย แต่พวกเขาเรียกว่าประชาธิปไตย
There is no secret in this world. One day the truth will show up, the world will know and some people will open their eyes to see the realities. "Truthfulness is the foundation of virtue".