วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

"องคมนตรี - กองทัพ - ตุลาการ" : นี่คือ "อำนาจที่แตะต้องไม่ได้" ที่ควรถูก "ปฏิรูปการเมือง" โดยแท้จริง



"ปฏิรูปการเมือง" นี่คือ coded-word (คำแฝงอำพราง)
สำหรับเล่นงานนักการเมืองเลือกตั้ง


คำขวัญ "ปฏิรูปการเมือง" ที่ชูกันในปัจจุบัน แท้จริงเป็นเพียงคำแฝงอำพราง (coded-word)

ความหมายที่แท้จริงของคำนี้ คือการพยายามเล่นงาน จำกัดอำนาจนักการเมืองเลือกตั้ง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอำนาจที่แตะต้องไม่ได้ (unaccountable) (อำนาจที่แตะต้องไม่ได้นี้ มีอะไรบ้าง ดูข้างล่าง)

บรรดานักวิชาการ แอ๊คติวิสต์ เอ็นจีโอ ที่ใช้คำขวัญนี้แบบไม่คิด ที่ "พาซื่อ" หลงตามกระแสไป คิดว่าเป็นเรื่องเหมาะสมแล้วที่ "นักการเมืองเลือกตั้ง" จะถูกถือเป็น "ปัญหา-เป้าหมาย" ของ "การปฏิรูปการเมือง" ขอให้ดูที่ facts (ข้อเท็จจริง) เชิงประจักษ์ ของสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้


เกิดอะไรขึ้น กับ "นักการเมืองเลือกตั้ง" ที่นักโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง "ปฏิรูปการเมือง" พยายาม หลอกว่า "มีอำนาจมากไป", มีความน่ากลัวระดับ "ระบอบ" (ทักษิณ) ฯลฯ

- นายกฯนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง 2 คน ถูกโค่นไป คนหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากประชาชนทั่วประเทศในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ถูกโค่นด้วยกำลังอาวุธ อีกคน ด้วยข้ออ้างและ "บรรทัดฐาน" แบบชวนหัว

- ผู้บริหารพรรคการเมืองดังกล่าวถูกแบนจากกิจกรรมการเมือง 5 ปี หลายคน ถูก "คดี" เล่นงานอยู่

- นักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรี 1 คนถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง ด้วยข้ออ้างว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

- รัฐมนตรี 1 คนถูกบีบให้ออก ด้วยการตัดสินว่าทำสัญญาแบบ"ผิดรัฐธรรมนูญ" ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้

(อันที่จริง ถ้าจะนับให้ครบจริงๆ ต้องรวมกรณีต่อไปนี้ด้วย ที่เกิดขึ้นกับอำนาจจากการเลือกตั้งด้วย เช่น : นายกฯที่เพิ่งชนะเลือกตั้งทั่วไป ถูกปฏิเสธ การเป็นนายกฯ (5 เมษา 2548), การเลือกตั้งทั่วไปถูกยกเลิก ด้วยเหตุผลว่า "ตั้งคูหาผิดทิศ" ฯลฯ)

ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ


ขณะเดียวกัน เกิดอะไรขึ้น กับ อำนาจชนิดที่ "แตะต้องไม่ได้"?

ขอให้ถามตัวเองว่า ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา อำนาจต่อไปนี้

องคมนตรี - กองทัพ - ตุลาการ

ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในลักษณะที่ไม่มีใครแตะต้องได้ใช่หรือไม่?

ลองเปรียบเทียบดู ระหว่าง อำนาจ 2 แบบนี้

แล้วดูสิ่งที่เป็น "วาทกรรม" ของบรรดา "ราษฎรอาวุโส", "นักวิชาการอาวุโส", และ ngo อีกจำนวนมาก เวลาพูดเรื่อง "ปฏิรูปการเมือง" มีการ "แตะ" ถึง "3 อำนาจ" นี้ (องคมนตรี-กองทัพ-ตุลาการ) หรือ?


ถามตัวเองว่า นี่คือ "ปฏิรูปการเมือง" หรืออะไร?

ความจริงคือ ใครก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นปัญญาชน นักวิชาการ แอ๊กติวิสต์ "ภาคประชาชน" หากอ้างเรื่อง "ปฏิรูปการเมือง" แต่ปฏิเสธ ไม่ยอมพูดถึง ไม่ยอม "แตะต้อง" "3 อำนาจ" (องคมนตรี-กองทัพ-ตุลาการ) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในรอบ 3 ปีนี้ (ในความเป็นจริง อำนาจของกลุ่มนี้ เพิ่มมากที่สุดในรอบ 15 ปี ถึง 30 ปี) ....

เขาเหล่านั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะ "พาซื่อ" อย่างหนัก

ก็กำลังร่วมสังฆกรรมในการโฆษณาชวนเชื่อหลอกคน


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล


ที่มา : เวบบอร์ด "ฟ้าเดียวกัน" : "ปฏิรูปการเมือง" นี่คือ coded-word (คำแฝงอำพราง) สำหรับเล่นงานนักการเมืองเลือกตั้ง

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

ราชวงศ์ควรเปลี่ยนกฎหมายที่ขยี้ประชาธิปไตยไทย : Right royal reasons to change the law that stifles Thai democracy


The Sydney Morning Herald

Right royal reasons to change the law that stifles Thai democracy
by Andrew Walker and Nicholas Farrelly



แปลและเรียบเรียง : chapter 11



ราชวงศ์ควรเปลี่ยนกฎหมายที่ขยี้ประชาธิปไตยไทย

ได้มีการเริ่มการรณรงค์ในระดับชาติ เรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายหมิ่นฯ ที่ล้าหลังของประเทศไทย

ภายใต้กฎหมายนี้ การถกเถียงและการวิจารณ์ราชวงศ์อย่างตรงไปตรงมา อาจทำให้ติดคุกได้ในระหว่าง ๓-๑๕ ปี ในจดหมายเปิดผนึกที่มีถึงนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีนักวิชาการและบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากกว่า ๕๐ คน ร่วมกันให้เหตุผลแย้งว่าการตั้งข้อหาในคดีหมิ่นฯ เป็นการทำลายความเป็นประชาธิปไตย และเป็นอุปสรรคต่อการถกเถียงในหัวข้อสำคัญๆ ของอนาคตการเมืองไทย

การร่วมลงลายชื่อในจดหมายดังกล่าว ซึ่งรวมไปถึงนักวิชาการของไทยที่เป็นที่นับถืออย่างสูงของโลก นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากล และสมาคมนักวิชาการสากลระดับชั้นนำ ในจำนวนบุคคลที่มีชื่อเสียง บ๊อบ คาร์ อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเซ้าเวลส์ของประเทศออสเตรเลีย ได้ร่วมลงชื่อเพิ่มขี้นเมื่อไม่นานมานี้

คนออสเตรเลียหลายๆคนอาจจะคิดว่า เรื่องคงหมดสิ้นไปแล้วหลังจากที่แฮรี นิโคไลเดส ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์ไทย และกลับไปยังประเทศออสเตรเลียแล้ว นิโคไลเดส ซึ่งเป็นนักเขียนจากเมลเบริ์นเคยทำงานเป็นครูในประเทศไทย ถูกจำคุกไทยนานถึง ๖ เดือน โทษฐานได้เขียนนวนิยาย ๑ ย่อหน้า เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเจ้าฟ้าชาย

การได้รับพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เราไม่ควรไขว้เขวกับพระเมตตาจากราชวงศ์ ที่แสดงให้เห็นต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้ กฎหมายยังคงอยู่ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการบุกสำนักงานของเว็บไซต์การเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เนื่องจากเนื้อหาในเว็บไซต์ไม่เหมาะสมด้วยเรื่องของราชวงศ์ ผู้เรียกร้องทางการเมืองสองคนกำลังทรมานในคุก จากความเห็นที่ต่อต้านราชวงศ์ในการชุมนุมต่อหน้าสาธารณะเมื่อปีที่แล้ว นักวิชาการชื่อดังได้หนีไปอังกฤษหลังจากถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ดูหมิ่นราชวงศ์จากบทความในหนังสือเกี่ยวกับสถานะของกษัตริย์กับการทำรัฐประหารในเดือนกันยายน ๒๕๔๙ คนอื่นๆที่ได้ถูกจับเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ ได้แก่ นักข่าวบีบีซี นักศึกษาผู้ที่โพสต์บทความในเว็บไซต์ หนึ่งในปัญญาชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย และผู้ซึ่งไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง

กฎหมายหมิ่นฯ ถูกใช้ในการควบคุมไม่ให้มีการพูดถึงบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ที่มีต่อการเมืองไทยที่วุ่นวาย ใครก็ตามสามารถกล่าวหาอย่างแทบจะไม่มีมูลความจริงต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองกับตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คดีอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา จะไม่มีทางที่จะมีการสิ้นสุด คดีจะถูกพิจารณาอย่างเงียบๆ แทบจะไม่มีการรายงานคดีให้ประชาชนได้รับรู้ นี่คือปฎิบัติการทางกฎหมายในโลกมืดจากฝีมือการกดดันของรัฐ

ยิ่งเรื่องการสื่บราชบัลลังค์ใกล้เข้ามาเท่าไร การถกเถียงอย่างเปิดเผยในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับราชวงศ์นั้น ก็ควรจะมีมากขี้น กษัตริย์ทรงพระชนมายุ ๘๑ พรรษาแล้ว และมีสุขภาพที่ไม่อำนวย กฎหมายหมิ่นฯห้ามไม่ให้มีการพูดถึงเรื่องขององค์รัชทายาท เจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์ แต่ข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องชีวิตส่วนตัวขององค์รัชทายาทก็ถือเป็นเรื่องปกติ มีข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับคุณสมบัติของพระองค์ เกี่ยวกับการพัวพันทางด้านธุรกิจ เกี่ยวกับสุขภาพและความยุ่งเหยิงของชีวิตรักของพระองค์ เหล่านี้เป็นขุมทองสำหรับบรรณาธิการของหนังสือประเภทซุบซิบต่างๆ และสำหรับนักวิจารณ์ในการพูดถึงเรื่องของราชวงศ์ ฉะนั้นกฎหมายหมิ่นฯจึงเป็นเครื่องค้ำจุนต่อชื่อเสียงของราชวงศ์

การรณรงค์ต่อต้านกฎหมายหมิ่นฯในระดับสากลเพื่อใช้กดดันรัฐบาลไทย และให้การสนับสนุนต่อคนในประเทศไทย ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงชีวิตต่อการเสาะหาวิธีการถกเถียงอย่างเปิดเผยมากยิ่งขี้น เกี่ยวกับบทบาทของราชวงศ์ที่มีต่อชีวิตทางการเมืองของไทย นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตอบรับต่อการเรียกร้อง และกล่าวว่ารัฐบาลของเขาจะพิจารณาเรื่องนี้ภายในอาทิตย์นี้ ความหวังที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้ดูเป็นเรื่องริบหรี่ คดีหมิ่นฯที่มีต่อนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งควรมีการพิจารณาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ถูกเลื่อนไปอีกหนึ่งเดือน อภิสิทธิ์เป็นผู้นำรัฐบาลที่มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ฉะนั้นคงแทบไม่มีโอกาสที่จะเห็นการแก้ไขกฎหมายนี้ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว

การเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายนี้อาจสร้างความสนใจ และได้รับการสนับสนุนบ้างจากบุคคลที่ไม่คาดฝัน กษัตริย์ได้ทรงแสดงความไม่สบายพระทัยเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯในหลายวาระ เมื่อเดือนที่แล้วที่ปรึกษาของกษัตริย์ท่านหนึ่ง ได้ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวมีปัญหา ความหวั่นเกรงอย่างนี้อาจจะไม่ใช่เป็นการผลักดันให้เกิดเสรีภาพในการพูด เป็นเพียงแต่ว่าราชวังคงทราบว่าทุกๆคดีหมิ่นฯ โดยเฉพาะเมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้สร้างความย่ำแย่ต่อภาพพจน์ของราชวงศ์

การปรับปรุงกฎหมายหมิ่นฯ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งทางการเมือง และเรื่องลึกลับของพระราชวังในกรุงเทพ แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนออสเตรเลียด้วย เป็นเรื่องสำคัญเพราะชาวออสเตรเลียได้ถูกจำคุกถึง ๖ เดือน จากข้อเขียนที่มีปัญหาเพียง ๑ ย่อหน้า ชาวออสเตรเลียคนอื่นๆอาจจะตกเป็นเหยื่อของกฎหมายนี้ก็ได้ แม้ความเห็นจะทำนอกประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดคือ การปรับปรุงกฎหมายหมิ่นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเสรีภาพในการพูดเป็นเรื่องที่สำคัญ

ประชาธิปไตยในประเทศไทยได้สะดุดลงตั้งแต่มีการทำรัฐประหารในเดือนกันยายน ๒๕๔๙ รัฐบาลเข้ามามีอำนาจจากการหนุนหลังของพวกคลั่งเจ้าอย่างสุดโต่ง ที่ออกไปรณรงค์กลางถนนและทำการยึดสนามบินนานาชาติในกรุงเทพเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ และราชวงศ์ได้มีบทบาทต่อการเมืองที่วุ่นวายเมื่อไม่นานมานี้ เวลานี้ประเทศตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน เป็นปลายรัชกาลของกษัตริย์ที่ครองราชย์มายาวนานที่สุด คนไทยหลายๆคนต้องการให้มีการถกเถียง เกี่ยวกับการเมืองในอนาคตอย่างเสรีและตรงไปตรงมา

กฎหมายหมิ่นฯ ได้นำพาไปสู่แนวทางที่ตรงกันข้าม ได้นำพาย้อนกลับไปสู่ระบบเผด็จการ

(แอนดรูว์ วอคเกอร์ และ นิโคลัส ฟาร์เรลลี่ ทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย วิทยาลัยเอเซียและแปซิฟิก ภาควิชาความสัมพันธ์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้)

ที่มา : Liberal Thai : ราชวงศ์ควรเปลี่ยนกฎหมายที่ขยี้ประชาธิปไตยไทย


หมายเหตุ

การเน้นข้อความทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ