วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ถ้าผมเป็นมือที่มองไม่เห็น..!?
กระบวนทัพที่ผมจัดเอาไว้นั้นมันช่างมากมายเกินจำเป็น สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ตรงปัญหาว่า “ผมจะควบคุมแขนงอำนาจต่างๆนั้นให้อยู่ในแถวแนวได้อย่างไรสำหรับเกมระยะยาว?” เพราะตัวละครที่ปล่อยออกไปแต่ละตัวมันมีเลือดเนื้อ ชีวิตและวิญญาณ มีกิเลสตัณหาอะไรต่อมิอะไร ซึ่งเป็นรายละเอียดอยู่ในตัวเอง ทุกๆอย่างนั้นอาจใช้ได้ผลไปในเกมหนึ่งๆ แต่ก็มิใช่เป็นหลักประกันว่าจะได้ผลเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา...รวมทั้งตัวละครบางตัวอาจมีความเสี่ยง พร้อมที่จะย้อนกลับมาแว้งกัดได้ในจังหวะหนึ่ง หรือความลับอาจถูกเปิดโปง!
บทบาทที่หนักจริงๆจึงมิใช่เป็นบทบาทของเล่าปี่, โจโฉ หรือซุนกวน แม้จนขงเบ้ง บังทอง สุมาอี้ ฯลฯ แต่มันกลับเป็นบทบาทในฐานะของ
หลอก้วนจง ผู้เปรียบเสมือนบิดาที่ให้กำเนิดตัวละครทุกตัวตั้งขึ้นมาแล้วโลดแล่นไปตามบทบาทที่ได้บรรจงเขียนเอาไว้ด้วยปัญญาอันเลอเลิศ!
พันธมิตรฯ-ม็อบสะพานมัฆวานรังสรรค์นั่นย่อมเป็นฉากและตัวละครเพื่อไว้มุ่งชนความชอบธรรมของทักษิณ ชินวัตร โดยตรง ถ้าจะเปรียบเปรยไปแล้วย่อมเป็นกองทัพหลัก ผมจะใช้ทัพนี้กระหน่ำตีข้าศึกไปเรื่อยๆ แม้ชาติบ้านเมืองจะเสียหายหนัก แต่ก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียวที่จะกดปฏิปักษ์เอาไว้ไม่ให้มันโงหัวขึ้นมา
ทัพจากเมืองมัฆวานรังสรรค์เป็นอำนาจหัวหอกสื่อสารมวลชนที่รุนแรง ซึ่งยังสามารถนำมาใช้ได้ผสมผสาน เป็นการสนธิกองกำลังของเครือข่ายสื่อสารมวลชนทั้งระบบ หนังสือพิมพ์ในมือก็มีอยู่หลายหัว จะเป็นทั้งหัวเถิก หัวฉอกเป็นง่าม หัวกลมหรือหัวล้านก็ล้วนอยู่ในระบบจัดตั้งแทบทั้งนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงโทรทัศน์อีกกะบิมือหนึ่งที่ควบคุมเสียอยู่หมัด แถมมีสถานีวิทยุทั้งชุมชนและไม่ใช่ชุมชนคอยขับขานรับทอดอยู่ให้ทั้งแผ่นดิน
...แนวรบด้านนี้จะไปห่วงอะไร?
สถานะของเมืองมัฆวานฯมันมิใช่แก๊งคัดค้านอะไรที่เล็กน้อยต่อไปอีกแล้ว เป็นทั้งหัวหอกการเมืองภาคประชาชน พรรคการเมืองที่พร้อมปรับเป็นกระบวนการยึดกุมอำนาจรัฐ บ่อยครั้งยังเล่นบทบาทเป็นองค์กรอิสระคอยตรวจสอบอะไรต่างๆได้ตั้งมากมาย...นี่จึงเป็นเครื่องจักรสังหารชั้นดี ตราบใดที่มันจะไม่หันมาแว้งกัดผม?
ผมเดินเกมให้เมืองมัฆวานรังสรรค์ทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ เพราะพวกนี้มันมีศัตรูหลักอยู่แล้วเป็น “ระบอบทักษิณ” แต่ผลข้างเคียงนั้นคงชักเสียวๆอยู่บ้าง ก็ไอ้พวกนี้ชอบอ้างตัวพร่ำเพรื่อเป็นทหารเสือของพระราชา -
พระราชินี บ่อยครั้งเล่นเลยธงกลายไปเป็นผู้บัญชาการของแต่ละเหล่าทัพเสียเอง ทำให้ผมไม่มั่นใจนักว่าสักวันหนึ่งข้างหน้าจะสามารถควบคุมพวกมันอยู่ในมือได้หรือไม่?
แต่ไม่เป็นไร? หากมันจะเสี่ยงก็ลองดู มีคดียังคาโรงคาศาลอยู่นับร้อยๆคดีเอาไว้ต่อรอง โดยเฉพาะเจ้าพวกแกนนำทั้งหลาย คงไม่น่าจะมีใครเลือกตายคาคุกแน่นอน แล้วอีกประการสำคัญผมยังมีสื่อจัดตั้งในลักษณะเป็นตัวตายตัวแทน ถ้ามันจะกล้าย้อนศรกับผมก็ขอให้รู้กันไป...
ทักษิณ ชินวัตร น่ะเรอะ!...นี้กลายเป็นเรื่องนอกสายตาไปแล้ว มันถูกหลอกให้มีความหวังว่าผมจะให้เมตตาตั้งหลายๆครั้งมันก็หลงเชื่อมาเสียจนทุกครั้ง ทางรอดของมันเห็นจะยากส์...ถูกยึดทรัพย์หมดตัวแน่นอน แผ่นดินจะมีอยู่หรือเปล่า? หรือบางทีจังหวะดีๆก็ดูท่าทางว่าถีบเข้าคุกไปเลย จะได้ถอนเสี้ยนจากเนื้อไปเสียที...ด้านหนึ่งเจอทั้งสื่อภิวัตน์ ปัญญาชนภิวัตน์ เท่านี้มันก็อ่วมเสียแล้ว ยังไม่นับตุลาการภิวัตน์ที่เที่ยงธรรมอีกต่างหาก...เรื่องนี้จบง่ายๆ!
หันไปดูข้างรัฐบาล “ลุงหมัก” ผมไม่เห็นว่าจะจัดการอะไรกันยากเย็นหนักหนา? ด้านหนึ่งผมคอยต่อรอง แต่อีกด้านผมใช้ใครที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นคอยเตะตัดขาหรือเสียบข้างหลัง ลิดรอนมือเท้าออกไปเรื่อยๆแล้วส่งคนของตัวเองแทรกเบียดเข้าไปนั่งในเก้าอี้ต่างๆ นี้มันเป็นกลยุทธ์ยืมมือสมัครเอาไว้ยึดพรรคพลังประชาชน...ยึดและต่อรองแบบนี้จะไม่เข้าทีดีกว่าสั่งปฏิวัติรัฐประหารอีกหรือ?
ไอ้พวกขุนศึกน่ะหรือ? พวกนี้ไม่มีอะไรมากมายไปกว่าการแย่งยื้อเก้าอี้กันหรอก แยกสลายเข้าไว้ก่อน เป็น 4-5 ก๊ก มันก็รวมตัวยาก เผลอๆอยากปฏิวัติจริงจัง ใช้วิธีแต่งเป็นกองโจรแทรกเข้าไปกับม็อบมิดีกว่าหรือ? กลายเป็นสงครามกองโจรของประชาชนไปเสียเลย ให้ประชาชนหน้าโง่มันตีกันเอง ล่าล้างผลาญกันเอง ใครจะไปรู้หรือมาจับได้ไล่ทันอีก
...เป็นมือที่มองไม่เห็นก็ดีงี้แหละ
เพียงขออย่าให้ประชาชนรู้แล้วกันว่าตูเป็นใคร
เพราะมันรู้เมื่อไหร่ก็จะอยู่ไม่ได้ในแผ่นดินนี้!
ดร.ดำรงค์ เปลี่ยนศรีศร
คอลัมน์ :โต๊ะกลมระดมความคิด
หนังสือพิมพ์ :โลกวันนี้ : ประจำวัน อังคาร ที่ 5 สิงหาคม 2008
ที่มา : Thai E-News : ถ้าผมเป็นมือที่มองไม่เห็น..!?
หมายเหตุ
การเน้นข้อความ(บางส่วน)ทำโดยความเห็นของผู้จัดเก็บบทความ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น